Logistics entrepreneurs updating industry trends for warehouse strategies

อัปเดตแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าปี 2025

ธุรกิจโลจิสติกส์กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเติบโตของ Q-Commerce (Quick Commerce) ซึ่งต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบทความนี้เราจะเจาะลึกถึงเทรนด์สำคัญที่ธุรกิจโลจิสติกส์ต้องจับตามอง พร้อมแนะนำโซลูชันการจัดเก็บที่ตอบโจทย์อย่างชั้นวาง Micro Rack ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางในยุคนี้

Logistics entrepreneurs updating industry trends for warehouse strategies

อัปเดต 5 เทรนด์แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตในยุคดิจิทัล ต่อไปนี้คือ 5 เทรนด์สำคัญของแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2025 ที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจ

1. การเติบโตของ Q-Commerce

การเติบโตของ Quick Commerce (Q-Commerce) กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยความต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งผลให้เกิดความต้องการคลังสินค้าขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อรองรับการกระจายสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

2. Micro Rack เหมาะสำหรับการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บแนวตั้งในคลังขนาดเล็ก

ชั้น Micro Rack คือชั้นวางของอเนกประสงค์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นใน ธุรกิจโลจิสติกส์ด้วยคุณสมบัติที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บ ทั้งในคลังสินค้า ร้านค้าอุปกรณ์เครื่องมือช่าง หรือคลังเก็บอะไหล่ของศูนย์บริการต่าง ๆ แผ่นชั้นวางสามารถรับน้ำหนักได้ 100-200 กิโลกรัมต่อระดับชั้น พร้อมระบบปรับระดับแผ่นชั้นให้เหมาะสมกับขนาดของสินค้าที่จัดเก็บด้วยระบบคลิปเกี่ยวรับกับแผ่นชั้น นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างระบบ Knock-Down ทำให้การติดตั้งและรื้อถอนทำได้สะดวก ตอบโจทย์การรองรับสินค้า ตามความต้องการที่รวดเร็วแบบ Q-Commerce

3. การขนส่งด้วยยานพาหนะไฟฟ้า (EV)

ค่านิยมเกี่ยวกับความยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน กำลังเป็นที่สนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์หันมาให้ความสนใจกับการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในเครือข่ายการขนส่งมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสอดคล้องกับแนวคิด Green Logistics กฎระเบียบใหม่ที่มุ่งเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่กำลังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการขนส่ง

4. การขยายตัวของ Micro Fulfillment Centers (MFCs)

นับเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ที่มาแรงในปี 2025 สำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ที่มีการใช้พื้นที่คลังสินค้าแบบจำกัด มารองรับคำสั่งซื้อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น โดยสิ่งนี้เรียกว่า “ศูนย์กระจายสินค้าขนาดเล็ก หรือ Micro Fulfillment Centers (MFCs)” ที่จะมาช่วยให้ธุรกิจสามารถกระจายสินค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างการใช้ระบบชั้นวาง Micro Rack ที่มีความเหมาะสมสำหรับการจัดเก็บใน MFCs ที่ต้องการระบบการจัดเก็บที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่าในการใช้พื้นที่

5. การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data Analytics)

ปิดท้ายด้วย “การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data Analytics)” อีกหนึ่งแนวโน้มมาแรง และเป็นสิ่งที่เพิ่มต้นทุนโลจิสติกส์ในยุคปัจจุบัน เพียงแต่เป็นการเพิ่มต้นทุนที่มาพร้อมกำไร ทั้งในรูปแบบเม็ดเงิน รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรในธุรกิจขนส่งอย่างคุ้มค่า เพราะโซลูชันดังกล่าวจะเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ พร้อมนำไปต่อยอดได้อย่างเหมาะสม เช่น การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางการขนส่ง ตลอดจนการลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

การปรับตัวของธุรกิจโลจิสติกส์สู่ Q-Commerce

Micro Rack shelving system for expanding storage in a warehouse

เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในแบบฉบับของ Q-Commerce ธุรกิจโลจิสติกส์จึงต้องเร่งพัฒนาระบบคลังสินค้า รวมถึงการจัดส่งให้มีความแม่นยำและรวดเร็วที่สุด โดยแนวทางที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ปรับตัวมี 3 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

  • ปรับปรุงระบบจัดส่งให้แม่นยำและรวดเร็ว: เพื่อออกแบบเส้นทางขนส่งใหม่ให้เหมาะสมที่สุด ลดระยะเวลาในการเดินทาง พร้อมรองรับออร์เดอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาแบบเรียลไทม์
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเก็บด้วย ชั้นวางแบบ Micro Rack systems: ช่วยบริหารพื้นที่แนวตั้งในคลังสินค้า รองรับสินค้าหลากหลายประเภท และจัดสรรสต๊อกได้อย่างมีระบบ
  • นำเทคโนโลยี AI, Automation และ IoT มาใช้: เชื่อมโยงข้อมูลจากทุกขั้นตอน ตั้งแต่รับออร์เดอร์ การจัดเก็บ ไปจนถึงการขนส่งแบบเรียลไทม์ ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการได้อย่างมั่นใจ

Micro Rack โซลูชันชั้นวางเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ 2025

เพื่อรองรับสินค้าจำนวนมากในพื้นที่จำกัด ชั้นวางแบบ Micro Rack จึงกลายเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งในเรื่องของการควบคุมต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการบริหารคลังสินค้า ตลอดจนการเพิ่มความคล่องตัวและตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างครบถ้วน

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่จัดเก็บ: ใช้พื้นที่แนวตั้งได้เต็มที่ ช่วยให้คลังขนาดเล็กสามารถเก็บสินค้าได้หลากหลายโดยไม่ต้องขยายพื้นที่
  • โครงสร้างยืดหยุ่นและคุ้มค่า: ปรับระดับชั้นวางได้ตามประเภทสินค้า โครงสร้างเหล็กแข็งแรง ทนทาน และถอดประกอบง่าย ช่วยลดต้นทุนในระยะยาว
  • ติดตั้งรวดเร็ว รองรับการใช้งานทันที: ลดเวลาหยุดชะงักของธุรกิจ ตั้งชั้นวางได้ภายในเวลาอันสั้น พร้อมเริ่มใช้งานได้ทันที
  • จัดระเบียบสินค้าได้ชัดเจน: แยกหมวดหมู่สินค้าตามประเภทหรือรหัสสินค้า ช่วยลดความสับสนในการหยิบสินค้าและเร่งกระบวนการจัดส่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าและตอบสนองความต้องการของ Q-Commerce อย่างรวดเร็ว ด้วย Micro Racks ชั้นวาง จาก Tellus คือคำตอบที่คุณต้องการ เราคือผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและจัดหาโซลูชันการจัดเก็บที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า พร้อมทีมงานมืออาชีพที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย

ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอคำปรึกษาและเริ่มต้นปรับปรุงระบบจัดเก็บสินค้าของคุณให้ทันสมัย ตอบโจทย์ธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่ โทร. 02-643-8044

ข้อมูลอ้างอิง

7w is a key concept in Lean Manufacturing systems

7 Waste คืออะไร ? เข้าใจของเสียในโรงงานและวิธีลดให้ได้ผลจริง

7w is a key concept in Lean Manufacturing systems

“7 Waste มีอะไรบ้าง ?” เป็นคำถามที่หลายคนในวงการอุตสาหกรรมและการผลิตมักสงสัย โดยเฉพาะเมื่อมีเป้าหมายในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงาน การเข้าใจแนวคิด “7 Waste” หรือ “ความสูญเสีย 7 ประการ” จะช่วยให้สามารถระบุจุดที่เกิดการสูญเสีย และหาแนวทางลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 7 Waste คืออะไร พร้อมแนะนำแนวทางในการลดของเสียในโรงงานอุตสาหกรรม และวิธีปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกมิติ

7 Waste คืออะไร ?

7 Waste หรือที่รู้จักในชื่อ “7w” คือแนวคิดสำคัญในระบบ Lean Manufacturing ซึ่งเป็นหลักคิดและการทำงานที่เน้นการ “ลดความสูญเสีย” ในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ทุกกิจกรรมในกระบวนการ “สร้างคุณค่า” และลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ส่งผลให้สามารถควบคุมคุณภาพ เวลา และต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

7 Waste มีอะไรบ้าง ?

ความสูญเสีย 7 ประการในระบบการผลิตแบบลีน ประกอบด้วย

1. การผลิตมากเกินไป (Overproduction)

การผลิตสินค้ามากกว่าความต้องการของลูกค้า หรือผลิตล่วงหน้าเกินจำเป็น ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมคุณภาพของสินค้า และอาจทำให้สินค้าล้าสมัยก่อนถึงมือลูกค้า 

2. การรอคอย (Waiting)

เวลาที่สูญเสียไปเมื่อพนักงาน เครื่องจักร หรือชิ้นงานต้องหยุดรอขั้นตอนการผลิตถัดไป เช่น รอวัตถุดิบ รอซ่อมเครื่องจักร หรือการรอคำสั่งผลิต ทำให้กระบวนการผลิตหยุดชะงักและไม่ต่อเนื่อง

3. การขนส่ง (Transportation)

การเคลื่อนย้ายวัสดุหรือสินค้าระหว่างกระบวนการที่ไม่จำเป็น แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางกรณี แต่การขนส่งที่เกินความจำเป็นย่อมเพิ่มต้นทุน เพิ่มโอกาสเกิดความเสียหาย และไม่ได้สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์

4. การเคลื่อนไหว (Motion)

การเคลื่อนไหวของพนักงานหรือเครื่องจักรที่ไม่จำเป็น เช่น การเดินไปหยิบเครื่องมือที่อยู่ไกลเกินไป หรือท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เสียเวลาและแรงงานโดยไม่จำเป็น

5. การผลิตมากขั้นตอน (Overprocessing)

การทำงานที่มีขั้นตอนมากเกินความจำเป็น เช่น การตรวจสอบซ้ำ การทำงานที่ซับซ้อนเกินไป หรือการใช้เครื่องมือที่มีสมรรถนะสูงเกินความจำเป็น ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรโดยไม่เพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์

6. การเก็บวัสดุคงคลัง (Inventory)

การเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูปไว้มากเกินไป ทำให้ต้องเสียพื้นที่คลังสินค้า เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพ และมีต้นทุนในการจัดเก็บเพิ่มขึ้น 

7. การผลิตของเสีย (Defects)

ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานคุณภาพ ต้องมีการแก้ไข ซ่อมแซม หรือทิ้ง ทำให้เสียทรัพยากร เวลา และต้นทุนในการผลิตใหม่หรือแก้ไข รวมถึงอาจส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า

Mezzanine racking as a solution to reduce 7 wastes in manufacturing

แนวทางลด 7 Waste ในโรงงานอุตสาหกรรม

1. การระบุและวิเคราะห์ของเสียในกระบวนการผลิต

ศึกษากระบวนการผลิต

ทีมงานควรศึกษาทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การรับวัตถุดิบจนถึงการส่งมอบสินค้าสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Value Stream Mapping, Process Flow Analysis หรือ Time and Motion Study เพื่อระบุประเภทของ Waste ที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน 

การปรับปรุงกระบวนการ

หลังจากระบุจุดที่เกิด Waste แล้ว ควรดำเนินการปรับปรุงอย่างเป็นระบบ เช่น ใช้เทคนิคต่าง ๆ อย่าง Kaizen (การทำงานให้น้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น), SMED (ลดเวลาปรับเปลี่ยนเครื่องจักร) หรือ Poka-Yoke (ระบบป้องกันความผิดพลาด) เพื่อให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพและลด Waste อย่างต่อเนื่อง

2. การฝึกอบรมพนักงาน

สร้างความเข้าใจ

การให้ความรู้เกี่ยวกับ 7 Waste แก่พนักงานทุกระดับ จะช่วยให้ทุกคนสามารถตรวจพบและรายงานปัญหาได้ทันที

ส่งเสริมวัฒนธรรม Lean

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการลดความสูญเสียและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัด Quality Circle หรือ Kaizen Event หรือกิจกรรมเสนอแนวคิดพัฒนากระบวนการจากพนักงานโดยตรง

3. ปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพ

การใช้ระบบอัตโนมัติ

การนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต สามารถช่วยลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เช่น การใช้หุ่นยนต์ IoT ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ หรือการใช้ AI ในการวางแผนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการเคลื่อนไหว และลดความผิดพลาดจากมนุษย์ 

ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้า

การใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) เพื่อควบคุมสต๊อกและพื้นที่จัดเก็บ ช่วยลดของเสียจากการเก็บวัสดุเกินจำเป็น 

การจัดการพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดการพื้นที่ในโรงงานอย่างเหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญในการลดความสูญเสียจากการเคลื่อนไหวและการขนส่ง ดังนั้น การออกแบบ Layout โรงงานให้เหมาะสม จะช่วยลดระยะทางในการขนส่งวัสดุ และเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนของกระบวนการผลิต

เพิ่มพื้นที่และลด Waste ด้วย “ชั้นลอย Mezzanine”

หนึ่งในแนวทางที่โรงงานสามารถนำไปใช้เพื่อลด Waste ด้าน Inventory และ Motion ได้อย่างชัดเจนคือ การเพิ่มพื้นที่ใช้งานแนวตั้งด้วย “ชั้นลอย Mezzanine”.

A “ชั้นลอย Mezzanine” เป็นโครงสร้างเหล็กที่ติดตั้งเสริมในคลังสินค้า ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บโดยไม่ต้องขยายพื้นที่โรงงานในแนวนอน เหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย เช่น

  • แยกพื้นที่เก็บของที่ใช้บ่อยและใช้น้อยออกจากกัน
  • ใช้เป็นชั้นเก็บอุปกรณ์หรือวัสดุแบบเข้าถึงง่าย ลด Motion
  • รองรับการจัดเรียงสินค้าตามประเภท ทำให้จัดการง่ายและลด Defect จากการหยิบผิด

หากคุณกำลังมองหาแนวทางเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในคลังสินค้า และลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ชั้นลอย Mezzanine จาก Tellus คือคำตอบ เราเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตระบบคลังสินค้าอัตโนมัติที่มีความคุ้มค่า เหมาะสำหรับทุกอุตสาหกรรม ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพคลังสินค้าของคุณให้มีคุณภาพสูงสุด ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาและเริ่มต้นปรับปรุงคลังสินค้าของคุณวันนี้ ! สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044 

แหล่งอ้างอิง

  1. ระบบลีน (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 จาก https://www.proindsolutions.com/17406281/ระบบลีน-lean-กำจัด-7-waste-ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

รู้จักระบบ ASRS โซลูชันสำคัญสำหรับงานโลจิสติกส์

ระบบ ASRS คืออะไร โซลูชันสำคัญที่สายงานโลจิสติกส์ต้องรู้ !

รู้จักระบบ ASRS โซลูชันสำคัญสำหรับงานโลจิสติกส์


หนึ่งในปัญหาโลกแตกของระบบจัดการคลังสินค้า นั่นคือการนับสต๊อก จัดเก็บ และเบิกจ่ายตามจุดที่กำหนด ซึ่งหลายครั้งมักจะมีความขัดข้อง จากความไม่แม่นยำที่เกิดจากข้อมูลสินค้าคงคลัง ตลอดจนความวุ่นวายในการกระจายสินค้าที่ไม่เป็นไปอย่างราบรื่น ลองมาทำความรู้จักกับโซลูชันตัวช่วยใหม่อย่าง "ระบบ ASRS" หากยังไม่รู้ว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เรามีคำตอบ !


ระบบ ASRS โซลูชันที่โลจิสติกส์ในไทยต้องมี !


ระบบ ASRS (Automated Storage & Retrieval System) คือ ระบบการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ที่ช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับเครื่องจักร และโปรแกรมการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการจัดการคลังสินค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนแรงงาน ประหยัดพื้นที่ และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์อีกด้วย


องค์ประกอบของระบบ ASRS


เพื่อให้เข้าใจการทำงานของระบบ ASRS ได้ดียิ่งขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำคือการทำความรู้จักกับองค์ประกอบหลักของระบบ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 7 ส่วน ดังนี้


  • ชั้นวางสินค้า (ASRS Racking) ซึ่งเป็นระบบชั้นวางที่ออกแบบมาให้ใช้กับ ASRS โดยเฉพาะ ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรองรับน้ำหนักสินค้าได้มาก โดยมีโครงสร้างที่เอื้อต่อการเคลื่อนที่ของเครื่องจักรอัตโนมัติ
  • เครื่องจักรที่ใช้จัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้า Storage and Retrieval Machine (SRM) ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบ ASRS โดยจะทำหน้าที่เคลื่อนย้ายสินค้าเข้าและออกจากชั้นวางแบบอัตโนมัติ ทำได้ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ทั้งยังมีความแม่นยำสูง และสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ
  • พาเลท ถาด หรือยูนิต สำหรับจัดเก็บสินค้า (Storage Module) อุปกรณ์เหล่านี้ มีหน้าที่ใช้สำหรับวางสินค้า โดยออกแบบมาให้เข้ากับระบบ ASRS เพื่อให้การจัดเก็บและเบิกจ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สถานีหยิบและฝากวัสดุ (Pickup and Deposit Station) เป็นจุดที่สินค้าจะถูกนำเข้าสู่ระบบ หรือนำออกจากระบบ โดยอาจมีการทำงานร่วมกับพนักงาน หรือระบบอัตโนมัติอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคล่องตัวสูงสุด
  • ซอฟต์แวร์บริหารจัดการและควบคุม นับเป็นสมองของระบบ ASRS โดยจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องจักร จัดการข้อมูลสินค้า และประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ ให้ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น และแม่นยำ
  • อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สายพานลำเลียง (Conveyor) อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์ในการช่วยเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างจุดต่าง ๆ ในคลังสินค้า เชื่อมต่อการทำงานระหว่าง SRM กับสถานีหยิบและฝากวัสดุ
  • รถ AGV (Automated Guided Vehicle) เป็นยานพาหนะอัตโนมัติในระบบ ASRS โดยในไทยนิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถนำไปใช้ในคลังสินค้าได้อย่างคล่องตัว ยืดหยุ่น ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้าย และจัดวางสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ประโยชน์ของระบบ ASRS ที่ตอบโจทย์คลังสินค้าในไทย


จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของระบบ ASRS ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังมอบประโยชน์หลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการของคลังสินค้าสมัยใหม่ มาดูกันว่าระบบ ASRS สามารถยกระดับการจัดการคลังสินค้าในไทยได้อย่างไรบ้าง ?


ประโยชน์ของระบบ ASRS คืออะไร สำคัญกับธุรกิจไหม

1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้า


ระบบ ASRS คือกลไกสำคัญที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่จัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าได้ ด้วยการทำงานอัตโนมัติที่รวดเร็วและแม่นยำของเครื่องจักร SRM ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสินค้า จัดเก็บ และเบิกจ่ายตามระบบที่คอมพิวเตอร์ควบคุมไว้ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บสินค้าโดยใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม


2. เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่คลังสินค้า


เพราะความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินงานคลังสินค้า ระบบ ASRS คือโซลูชันที่จะเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานในคลังสินค้า เนื่องจากระบบนี้ทำงานด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ลดความจำเป็นในการที่พนักงานต้องปีนขึ้นที่สูง หรือเคลื่อนย้ายสินค้าหนัก นอกจากนี้ ระบบยังมีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ช่วยป้องกันการพังทลายของชั้นวางสินค้าหรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการขนส่งลำเลียงสินค้าได้อย่างอุ่นใจ


3. ช่วยปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลัง


เหตุผลที่ระบบ ASRS นิยมนำมาใช้ในไทยมากขึ้น ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้ประกอบการในหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มศึกษาและปรับใช้อย่างเป็นมาตรฐานภายในคลังสินค้า เนื่องจากระบบนี้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลสินค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้ทราบสถานะของสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการช่วยวางแผนสั่งซื้อสินค้า ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกหรือสินค้าล้นสต็อกได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย


4. รองรับการเติบโตของธุรกิจ


ในยุคที่ธุรกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบ ASRS สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ด้วยความสามารถในการจัดเก็บสินค้าในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้สามารถเพิ่มความจุของคลังสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่จัดเก็บ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถปรับเปลี่ยนและขยายได้ตามความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนช่องจัดเก็บ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดขัดในเรื่องระบบการบริหารและจัดการคลังสินค้าอย่างแน่นอน

ด้วยประโยชน์มากมายเหล่านี้ ระบบ ASRS จึงเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคลังสินค้าสมัยใหม่ได้อย่างครบถ้วน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย และรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การลงทุนในระบบ ASRS กลายเป็นก้าวสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการยกระดับการจัดการคลังสินค้าให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

รองรับอีกก้าวที่เติบโตของระบบคลังสินค้า พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสำหรับองค์กรคุณ ด้วยอุปกรณ์สำหรับระบบ ASRS จาก Tellus ผู้ผลิตและออกแบบระบบคลังสินค้าอัตโนมัติที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน พร้อมการันตีคุณภาพ และมาตรฐานการรองรับน้ำหนักที่ปลอดภัย ทั้งยังมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044


แหล่งอ้างอิง

  1. What is an automated storage and retrieval system? AS/RS meaning and more. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 จาก https://6river.com/what-is-an-automated-storage-and-retrieval-system/
  2. ASRS 101: Automated Storage and Retrieval Systems. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 จาก https://us.blog.kardex-remstar.com/automated-storage-and-retrieval-systems-asrs#glossary_of_asrs_related_terms
ชั้นวางของในอุตสาหกรรม

ชั้นวางของมีกี่ประเภท และแนะนำเทคนิคการเลือกให้ตอบโจทย์

ชั้นวางของในอุตสาหกรรม

ในคลังสินค้า โรงงาน หรือพื้นที่จัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่ ชั้นวางสินค้า (Storage Rack) เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การจัดเก็บสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีระเบียบ ปลอดภัย และกระจายสินค้าได้สะดวก แต่ด้วยรูปแบบและประเภทของชั้นวางที่มีหลากหลาย อาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้งานในการเลือกประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการ บทความจึงจะพาไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันว่า ชั้นวางของมีกี่ประเภท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ชั้นวางอุตสาหกรรมและแร็กวางสินค้าได้อย่างเหมาะสม

ประเภทของชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม

การเลือกชั้นวางสินค้าให้เหมาะสมกับธุรกิจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดพื้นที่ในคลัง และหยิบสินค้าได้สะดวก ซึ่งในปัจจุบัน ชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีจุดเด่นและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

ชั้นวางแบบ Micro Rack

ชั้นวางของขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับจัดเก็บสินค้าน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด หรือต้องการจัดเก็บชิ้นส่วนขนาดเล็ก ๆ จำนวนมาก เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่ หรือเอกสาร เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและค้นหาสินค้าได้สะดวก

Mezzanine Floor Rack

ชั้นวางระบบชั้นลอย ที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าแบบ 2 ชั้น โดยไม่ต้องขยายพื้นที่คลังสินค้าให้ยุ่งยาก มาพร้อมโครงสร้างแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้มาก เหมาะสำหรับสินค้าที่มีปริมาณมาก ต้องการพื้นที่เก็บขนาดใหญ่ หรือใช้สำหรับการจัดเก็บสินค้าที่ไม่ต้องการการเคลื่อนย้ายบ่อย

FIFO Rack

ระบบชั้นวางแบบ FIFO Rack (First In First Out) คือ การหยิบสินค้าที่เก็บเข้าคลังก่อนออกไปก่อน เหมาะสำหรับสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน เปลี่ยนราคาอยู่บ่อย ๆ เพื่อลดความยุ่งยากในการหยิบเข้า-ออก หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด ต้องการหมุนเวียนสินค้าเก่าออกก่อน เพื่อลดปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพจากการเก็บเป็นเวลานาน มักใช้ในคลังสินค้าเก็บยา อาหาร หรือสินค้าที่สามารถเน่าเสียเร็ว

Selective Rack

ชั้นวางสินค้าแบบมาตรฐาน มีโครงสร้างแข็งแรง ปรับระยะห่างของแต่ละชั้นวางได้อิสระ เข้าถึงสินค้าได้ทุกชั้นวาง เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความหลากหลาย และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดเก็บหรือการค้นหาสินค้า นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับรถยกฟอร์กลิฟต์ได้ โดยไม่ต้องเรียงสินค้าก่อนหลัง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคลังสินค้าที่มีการหมุนเวียนสินค้าสูง สามารถเพิ่มอุปกรณ์ถาดรับพาเลตในแต่ละชั้นเข้าไปได้

Drive-In หรือ Drive Through Rack

ชั้นวางที่ออกแบบให้รถฟอร์กลิฟต์สามารถขับเข้าไปเก็บสินค้าในชั้นวางได้โดยตรง ช่วยเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บและประหยัดพื้นที่ทางเดิน เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความเหมือนกัน มีปริมาณมาก และต้องการหยิบสินค้าบ่อยครั้ง แต่ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีความหลากหลาย เนื่องจากมีความยุ่งยากในการจัดเรียงสต็อก จำเป็นต้องใช้ระบบหมุนเวียนสินค้า เอาของที่ต้องออกก่อนจัดไว้หน้าสุด

Push Back Rack

ชั้นวางในคลังสินค้าที่รวมเอาข้อดีของชั้นแบบ Drive-In Rack และ FIFO Rack เข้าไว้ด้วยกัน เป็นระบบชั้นวางที่ใช้หลักการดันพาเลตถอยหลังเมื่อมีการเพิ่มสินค้าใหม่ ชั้นวางมีขนาดใหญ่และมีช่วงลึก (Multi-Deep) ทำให้สามารถเก็บสินค้าได้เป็นจำนวนมาก และสามารถเพิ่มอุปกรณ์ถาดรับพาเลตในแต่ละชั้นเข้าไปได้ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บ และประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับสินค้าที่มีจำนวน SKUs น้อย แต่มีปริมาณการจัดเก็บจำนวนมาก

Mobile Rack

ชั้นวางสินค้าสามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยระบบรางโดยใช้มอเตอร์เป็นตัวเคลื่อนย้าย ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายชั้นวางไปในแนวซ้ายและขวาได้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานพื้นที่ เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการหยิบใช้บ่อย ๆ หรือต้องการเปลี่ยนแปลงพื้นที่จัดเก็บบ่อยครั้ง

Cantilever Rack

Rack วางของที่ออกแบบมาสำหรับจัดเก็บสินค้าที่มีความยาวหรือมีรูปทรงแปลก ลักษณะเด่นคือ ไม่มีเสาด้านหน้าทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงและจัดการสินค้า เหมาะสำหรับเก็บสินค้าที่มีความยาว เช่น ท่อ แผ่นไม้ หรือโลหะแผ่น และอุตสาหกรรมที่ต้องจัดเก็บวัสดุที่มีขนาดไม่สม่ำเสมอ

ชั้นวางอุตสาหกรรมในคลังสินค้า

แนวทางการเลือกชั้นวางสินค้าในคลังสินค้า

สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในขั้นตอนการเลือกชั้นวางที่เหมาะสม สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยสำคัญหลายประการ ดังนี้

  • ประเภทและขนาดของพาเลต : เลือกชั้นวางที่รองรับขนาดและน้ำหนักของพาเลต ที่เหมาะสมกับความสูงของเพดานคลังสินค้า และควรเผื่อพื้นที่ว่างสำหรับการวางและหยิบสินค้า
  • ชนิดของสินค้าที่จัดเก็บ : พิจารณาขนาด น้ำหนัก รูปร่างของสินค้า รวมถึงความถี่ในการหยิบสินค้า นอกจากนี้ พิจารณาสินค้าบางประเภทที่อาจต้องการชั้นวางพิเศษ เช่น ชั้นวางสำหรับสินค้าอันตราย หรือชั้นวางสำหรับสินค้าขนาดใหญ่
  • พื้นที่คลังสินค้า : พิจารณาความสูงของเพดานและข้อจำกัดด้านโครงสร้างของคลังสินค้า โดยเลือกระบบชั้นวางที่ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Mobile Rack สำหรับคลังที่มีพื้นที่จำกัด
  • ชนิดของรถยก : หากมีการใช้งานร่วมกับรถยก หรือรถฟอร์กลิฟต์ (Forklift) ควรเลือกชั้นวางที่เข้ากันได้กับชนิดของรถยก และพิจารณาความกว้างที่เหมาะสมของช่องทางเดินรถ
  • ระบบการหมุนเวียนสินค้า : ระบบการหมุนเวียนสินค้าภายในคลัง คือปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยหากมีสินค้าจำนวนมากและจำเป็นต้องหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ควรพิจารณาชั้นวางแบบ FIFO (First In First Out) ชั้นวางแบบมีชั้นลอย หรือชั้นวางแบบมีระบบราง โดยควรเลือกชั้นวางที่รองรับระบบจัดเก็บสินค้าที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวได้ดี

หลังจากที่ได้รู้กันแล้วว่าชั้นวางของมีกี่ประเภท และหากกำลังมองหาชั้นวางอุตสาหกรรมที่เหมาะสมกับระบบคลังสินค้าของคุณอยู่ Tellus คือคำตอบ ! เพราะเราเป็นผู้ผลิตและออกแบบระบบคลังสินค้าอัตโนมัติที่มีความหลากหลาย ที่สุดของ Storage Solution ที่ได้มาตรฐาน ในราคาคุ้มค่า ให้คุณเลือกระบบ แร็กวางสินค้า ได้ตามใจ พร้อมการันตีคุณภาพ และมาตรฐานรองรับน้ำหนักที่ปลอดภัย ทั้งยังมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลคุณตลอดการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044.

แหล่งอ้างอิง

  • ชั้นวางสินค้าในคลังสินค้า (Rack) มีกี่ประเภท? เลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะกับคลังสินค้า. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 จาก https://packhai.com/warehouse-rack/#6Cantilever_Rack
รู้จักวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทสำหรับคลังสินค้า

สำรวจความสำคัญและวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท

จัดการสินค้าในคลังอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีการจัดเรียงสินค้าแบบวางพาเลท (Pallet) ที่เหมาะสม เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าที่รวดเร็ว ปลอดภัย ทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่อบริหารจัดการระบบการวางพาเลทอยู่ บอกเลยว่าบทความนี้มีคำตอบ !

รู้จักวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทสำหรับคลังสินค้า

ความสำคัญของการจัดเรียงสินค้าโดยพาเลท

การจัดเรียงสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ การใช้พาเลท (Pallet) ในการจัดเรียงและขนส่งสินค้า โดยพาเลทเป็นแท่นรองรับสินค้าที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้งทำจากไม้ พลาสติก หรือโลหะ ซึ่งจะออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักสินค้าและอำนวยความสะดวกในการยกและเคลื่อนย้ายสินค้าด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รถยกฟอร์กลิฟต์ หรือรถเข็นสำหรับขนย้ายทั่วไป

แน่นอนว่าการนำพาเลทมาใช้ในการจัดเรียงสินค้า ไม่เพียงแต่จะเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งประโยชน์มากมายที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ต้นทุน และคุณภาพของการบริหารงานคลัง โดยสามารถสรุปความสำคัญได้ ดังนี้

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง

การใช้พาเลทช่วยให้การขนย้ายสินค้าจำนวนมากทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ เช่น รถยกหรือรถเข็นพาเลท ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานในการขนถ่ายสินค้า นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดเรียงสินค้าในรถบรรทุกหรือตู้คอนเทนเนอร์เป็นไปอย่างมีระเบียบและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

2. เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทช่วยให้สามารถวางซ้อนกันได้สูงขึ้น ทำให้ใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม ทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการเช่าหรือสร้างพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติมอีกด้วย

3. ปกป้องสินค้าจากความเสียหาย

เพราะพาเลทมีหน้าที่ช่วยยกสินค้าให้พ้นจากพื้น ซึ่งมีข้อดีในการป้องกันความชื้นและความเสียหายจากการกระแทกระหว่างการขนย้าย นอกจากนี้ การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทอย่างเหมาะสมยังช่วยกระจายน้ำหนักและป้องกันการทับกันของสินค้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายระหว่างการจัดเก็บและขนส่ง

4. เพิ่มความสะดวกในการตรวจนับสินค้า

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลท ช่วยให้การตรวจนับสินค้าทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจากมีการจัดเรียงสินค้าเป็นหน่วยที่ชัดเจน ทำให้ตรวจสอบปริมาณสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ และลดเวลาในการทำงานของพนักงาน

5. สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทอย่างเป็นระเบียบ ช่วยสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการจัดการสินค้าและคลังสินค้าที่เป็นไปตามมาตรฐาน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจได้อย่างแน่นอน

มาตรฐานของการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท

สำหรับมาตรฐานการจัดวางสินค้าบนพาเลท เป็นการควบคุมกระบวนการจัดการสินค้าและโลจิสติกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมาตรฐานเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สนองต่อความต้องการบริหารคลังสินค้า และความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติงานได้อย่างครอบคลุม ภายใต้ 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

Pallet stacking standards for warehouses

1. ขนาดพาเลท

ขนาดของพาเลท ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการจัดเรียงสินค้า โดยในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดมาตรฐาน 3 ขนาดหลัก ดังนี้

  1. ยูโรพาเลท (Euro Pallet) : มีขนาดอยู่ที่ 80 x 120 เซนติเมตร นับเป็นโครงสร้างตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหาร ยูโรพาเลทได้รับความนิยมในแถบยุโรป เนื่องจากมีความเหมาะสมกับระบบขนส่งและคลังสินค้าในภูมิภาคนี้
  2. แจแปนพาเลท (Japan Pallet) : มีขนาด 110 x 110 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมในแถบอาเซียน โดยมีขนาดที่เหมาะสมกับระบบขนส่งและการจัดเก็บในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  3. อเมริกันพาเลท (American Pallet) : มีขนาด 100 x 120 เซนติเมตร เป็นขนาดพาเลทพลาสติกที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเป็นขนาดพาเลทพลาสติกที่ใช้กันมากในประเทศไทย

2. วัสดุของพาเลท

สำหรับวัสดุของพาเลท ในปัจจุบันถือว่ามีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย โดยแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดเฉพาะในการใช้งานและการรับน้ำหนัก

  • พาเลทไม้ : ต้องผลิตตามกฎ IPPC (International Plant Protection Convention) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของศัตรูพืช เช่น เชื้อรา แมลง และปลวกกัดกิน ดังนั้น หากจะมีการใช้พาเลทไม้ในการขนส่งระหว่างประเทศ ควรจะต้องมีเครื่องหมาย IPPC กำกับเสมอk.
  • พาเลทพลาสติก : เป็นวัสดุที่มีความทนทาน น้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันก็สามารถดูแลรักษาได้ง่าย จึงหมดกังวลเรื่องปัญหาจากความชื้น และปัญหาอื่น ๆ ที่เจอในพาเลทไม้ ในขณะเดียวก็สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง และคุ้มค่ามากอีกด้วย
  • พาเลทเหล็ก : ที่สุดของวัสดุพาเลทที่มีคุณสมบัติครอบคลุมมากที่สุด ทั้งความทนทานและความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถกันไฟได้ดี ไม่เป็นเชื้อเพลิงให้เกิดการลุกลาม สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าพาเลททุกชนิด เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีสินค้าหนัก

3. ระบบการจัดเรียงพาเลท

ในส่วนของระบบการจัดเรียงสินค้าบนพาเลท ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยในปัจจุบันจะมีอยู่หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น
  • การจัดเรียงแบบ Column Stack : เป็นการวางพาเลทสินค้าซ้อนกันแบบบล็อก ภายใต้การจัดวางตำแหน่งที่แม่นยำ เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดทับ
  • การจัดเรียงแบบ Interlocking Stack : เป็นการจัดพาเลทวางสินค้าสลับฟันปลา ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดโอกาสการล้มของกองสินค้า
  • การจัดเรียงบน Racking System : เป็นการจัดพาเลทสินค้าบนระบบชั้นวาง โดยทั่วไปจะพบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าขนาดใหญ่ ใช้ได้ทั้ง Drive-in Racking System และ Push Back Racking System
  • การรัดสินค้า : ใช้สายรัดหรือฟิล์มพลาสติกพันรอบสินค้าบนพาเลท เพื่อป้องกันสินค้าเคลื่อนที่ระหว่างการขนส่ง ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ

การจัดวางสินค้าบนพาเลทมีกี่วิธี ?

หลังจากรู้วิธีการจัดเรียงพาเลทตามมาตรฐานที่นิยมกันอย่างแพร่หลายไปแล้ว ลำดับถัดมาลองมาดูวิธีการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทกันบ้าง ว่าจะมีกี่วิธีที่ช่วยคงสภาพให้สินค้าสามารถจัดส่งได้อย่างปลอดภัย ไม่ล้ม หรือเกิดความเสียหายจากการกดทับของการจัดวาง

  • จัดวางเป็นแถว : เป็นการจัดเรียงในสิ่งที่มีขนาดเท่ากัน จัดวางและซ้อนกันเป็นแถวเรียบร้อย ค่อนข้างแข็งแรง แค่ใช้อุปกรณ์ยึดติดอีกเล็กน้อย ก็นับว่าเรียบร้อย
  • จัดวางแบบสลับ : เป็นการจัดเรียงเฉพาะสำหรับของแข็งเท่านั้น ในกรณีที่ของมีขนาดไม่เท่ากัน โดยวางเรียงสลับกันตามความเหมาะสมเพื่อประหยัดพื้นที่

เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารพื้นที่คลังสินค้า ด้วย ชั้นวางอุตสาหกรรมสำหรับวางพาเลทจาก Tellus ที่สุดของ Storage Solution ที่ได้มาตรฐาน เพราะเราเป็นผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและการจัดการสินค้าที่เข้าใจทุกการใช้งาน พร้อมการันตีคุณภาพ และมาตรฐานรองรับน้ำหนักที่ปลอดภัย ทั้งยังมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลคุณตลอดการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044