ชั้นวางสินค้า Drive In คืออะไร เหมาะกับคลังสินค้าแบบไหน ?

ชั้นวางสินค้า Drive In คือชั้นวางพาเลทที่ออกแบบให้จัดเก็บสินค้าได้หนาแน่นในพื้นที่จำกัด

หากคุณกำลังวางแผนเลือกระบบจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า ชั้นวางสินค้า Drive In ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ได้อย่างดี แต่ระบบนี้เหมาะกับคลังสินค้าแบบใด และมีข้อควรพิจารณาอะไรบ้าง ? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับชั้นวางสินค้า Drive In ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี-ข้อจำกัด รวมถึงการวิเคราะห์ว่าชั้นวาง Drive In เหมาะกับคลังสินค้าแบบไหน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

ชั้นวางสินค้า Drive In คืออะไร ?

ชั้นวางสินค้า Drive In คือ ระบบชั้นวางพาเลทที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บ โดยเฉพาะในคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด รถฟอร์กลิฟต์สามารถขับเข้าไปในช่องทางระหว่างชั้นวางเพื่อวางหรือหยิบพาเลทได้โดยตรง โดยใช้หลักการจัดเก็บแบบ Last In, First Out (LIFO) หรือ First In, Last Out (FILO) ซึ่งเน้นการเข้าถึงสินค้าจากด้านหน้าเพียงด้านเดียว 

หลักการทำงาน

โครงสร้างชั้นวาง Drive In จะมีรางสำหรับวางพาเลทเรียงตามความลึก รถฟอร์กลิฟต์สามารถขับเข้าไปภายในโครงสร้างชั้นวางเพื่อจัดเก็บพาเลทซ้อนลึกเข้าไปได้หลายชั้น โดยไม่จำเป็นต้องเว้นทางเดินระหว่างแถวชั้นวาง จึงช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บในแนวลึกได้อย่างมาก

ข้อดีของชั้นวางสินค้า Drive In

  • ประหยัดพื้นที่จัดเก็บสูง สามารถใช้พื้นที่ได้มากถึง 50-80% เมื่อเทียบกับระบบชั้นวางแบบดั้งเดิม
  • รองรับน้ำหนักได้มาก โดยทั่วไปสามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 1-5 ตันต่อชั้น
  • เหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องหยิบบ่อย เช่น สินค้าในห้องเย็นหรือวัตถุดิบที่จัดเก็บเป็นรอบการผลิต

ข้อจำกัดของชั้นวาง Drive In

  • เข้าถึงสินค้าได้เฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ทำให้ไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องหยิบแบบ FIFO (First In, First Out)
  • ไม่เหมาะกับสินค้าหลากหลายประเภท หรือหลาย SKU เพราะต้องจัดเก็บสินค้าประเภทเดียวกันในแต่ละช่อง
  • ต้องใช้ทักษะขับรถฟอร์กลิฟต์สูง เนื่องจากต้องขับเข้าไปในช่องทางแคบระหว่างชั้นวาง 

ชั้นวางสินค้า Drive In “เหมาะ” กับคลังสินค้าแบบใด ?

ชั้นวาง Drive In เหมาะอย่างยิ่งกับคลังสินค้าที่มีลักษณะการจัดเก็บแบบเน้นความหนาแน่นสูง เช่น

  • คลังสินค้าที่เก็บสินค้าประเภทเดียวกันในจำนวนมาก: เช่น สินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร วัตถุดิบ หรือบรรจุภัณฑ์ ที่มี SKU เดียวกันและต้องจัดเก็บในปริมาณมาก
  • พื้นที่จำกัด ต้องการใช้พื้นที่อย่างเต็มที่: เพราะสามารถวางพาเลทในแนวลึกได้หลายชั้น ทำให้ใช้พื้นที่แนวดิ่งและแนวลึกได้คุ้มค่ากว่าชั้นวางประเภททั่วไป
  • คลังสินค้าที่เก็บสินค้าหมุนเวียนต่ำ: เหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องหยิบบ่อย เช่น วัตถุดิบ หรือสินค้าตามฤดูกาล ที่จัดเก็บไว้ใช้ตามรอบการผลิต ไม่ต้องหยิบใช้ทุกวัน
  • คลังสินค้าห้องเย็น: การจัดเก็บแน่นช่วยลดการสูญเสียพลังงานในการควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว 
  • คลังที่ใช้รถฟอร์กลิฟต์เข้า-ออกเพียงทางเดียว: ระบบ Drive In ออกแบบให้รถฟอร์กลิฟต์สามารถขับเข้าไปวางและหยิบสินค้าในแนวลึกจากด้านหน้าโดยไม่ต้องมีทางเดินหลายด้าน 

ชั้นวางสินค้า Drive In “ไม่เหมาะ” กับคลังสินค้าแบบใด ?

แม้ระบบ Drive In จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับคลังสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะกรณีดังนี้ 

  • คลังสินค้าที่มีหลาย SKU และต้องหมุนเวียนบ่อย: หากต้องจัดเก็บสินค้าหลายประเภท ระบบนี้อาจทำให้จัดการยากและเสี่ยงต่อการหยิบผิด 
  • คลังสินค้าที่ใช้ระบบจัดเก็บแบบ FIFO (First In, First Out): การหยิบสินค้าก่อน-ออกก่อน (First In, First Out) ไม่สามารถทำได้ในระบบ Drive In เพราะใช้การจัดเก็บแบบ FILO
  • คลังสินค้าที่มีการเข้าออกสินค้าบ่อย ต้องการความยืดหยุ่น: ระบบนี้ไม่เหมาะกับคลังที่ต้องมีการหยิบสินค้าเข้า-ออกทุกวัน หรือต้องการความคล่องตัวในการจัดเก็บ 

กรณีนี้ อาจพิจารณาใช้ระบบชั้นวางแบบอื่น เช่น ชั้น Microrack ที่ให้ความยืดหยุ่นในการจัดเก็บและหยิบใช้งานมากกว่า

ชั้นวางสินค้า Drive In มีข้อดีคือประหยัดพื้นที่จัดเก็บสูง

เปรียบเทียบกับชั้น Microrack : ทางเลือกที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

หากคลังสินค้าของคุณต้องจัดเก็บสินค้าหลายประเภท หรือมีความจำเป็นต้องหยิบใช้งานบ่อย ชั้น Microrack อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ด้วยคุณสมบัติดังนี้ 

จุดเด่นของชั้น Microrack

  • เหมาะกับสินค้าน้ำหนักเบาถึงปานกลาง
  • ปรับระดับความสูงของชั้นได้ตามประเภทสินค้า
  • เหมาะกับระบบหยิบแบบ Manual Picking
  • รองรับสินค้าหลาย SKU และการจัดเก็บแบบแยกประเภท

Tellus ช่วยออกแบบโซลูชันการจัดเก็บให้คุณได้

หากคุณกำลังมองหาชั้นวางที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพื้นที่และประเภทสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางพาเลท แบบ Drive In หรือชั้น Microrack สำหรับงานจัดเก็บที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง Tellus พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบโซลูชันที่เหมาะกับคลังสินค้าของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพได้แล้ววันนี้ ! โทร. 02-643-8044

ข้อมูลอ้างอิง

  1. FIFO, LIFO, FEFO แตกต่างอย่างไร? มาตรฐานการจัดเก็บ และการหยิบสินค้า ที่คลังสินค้ามาตรฐานควรมีสืบค้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 จาก https://www.meowlogis.com/fifo-lifo-fefo

ระบบ Pick to Light คือตัวช่วยจัดการคลังสินค้าอย่างเหนือชั้น

สินค้าในคลังมากมาย การใช้ระบบ Pick to Light คือตัวช่วยในการหยิบสินค้า

ในคลังที่มีสินค้าหลายร้อยหลายพันชิ้น ประกอบกับจำนวนออร์เดอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาลในแต่ละวัน ส่งผลให้พนักจำเป็นต้องเร่งรีบในการหยิบและแพ็กสินค้า จนนำไปสู่ปัญหาพนักงานหยิบสินค้าผิดอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบผิดสี ผิดไซซ์ หรือร้ายแรงไปถึงผิดประเภทของผลิตภัณฑ์ แต่เหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไป ด้วยระบบ Pick to Light ที่จะช่วยลดความยุ่งยากในการหยิบสินค้า ทั้งยังเพิ่มสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำในการจัดการออร์เดอร์สินค้าได้มากยิ่งขึ้น

ระบบ Pick to Light คืออะไร ?

ระบบ Pick to Light คือการใช้เทคโนโลยีไฟ LED เพื่อช่วยให้การหยิบสินค้าในคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้ามีความแม่นยำมากขึ้น โดยระบบ Pick to Light มีส่วนประกอบหลัก ดังนี้

  • ไฟแสดงผลเป็นไฟ LED ที่ใช้แสดงตำแหน่งสินค้าที่ต้องการให้หยิ
  • ปุ่มยืนยันใช้สำหรับยืนยันการหยิบสินค้า
  • ระบบควบคุมเป็นระบบที่เชื่อมต่อกับ WMS เพื่อส่งคำสั่งให้ไฟกะพริบในตำแหน่งที่ต้องการ

ในส่วนของกระบวนการทำงานของระบบ Pick to Light เป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ ดังนี้

  1. เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาระบบ WMS (Warehouse Management System) จะส่งข้อมูลไปยังระบบ Pick to Light
  2. หลังจากนั้นไฟ LED ในตำแหน่งที่ต้องหยิบสินค้าจะสว่างขึ้นหรือกะพริบ พร้อมระบุจำนวนที่ต้องหยิบอย่างชัดเจน
  3. ต่อจากนั้นพนักงานเดินไปยังตำแหน่งที่ไฟสว่าง เพื่อหยิบสินค้าตามจำนวนที่ระบุ และกดปุ่มยืนยันบน Pick Tag แล้วไฟจะดับลง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการทำงานในส่วนนั้นเสร็จสมบูรณ์

ระบบ Pick to Light จะทำงานร่วมกับระบบ WMS ได้อย่างราบรื่น เพื่อช่วยลดเวลาค้นหาและเพิ่มความแม่นยำในการจัดการออร์เดอร์สินค้า ทั้งยังช่วยลดโลกร้อนได้ เนื่องจากไม่ต้องใช้เอกสารหรือกระดาษ มาทำการบันทึกออร์เดอร์ที่ต้องไปหยิบอีกด้วย

ระบบ Pick to Light เหมาะสำหรับการหยิบสินค้าแบบใด ?

ระบบ Pick to Light เหมาะสำหรับการหยิบสินค้า ดังต่อไปนี้

  • Wave Picking คือ การหยิบสินค้าหลายคำสั่งซื้อพร้อมกันในรอบเดียว
  • Zone Picking คือ การให้พนักงานรับผิดชอบการหยิบสินค้าในโซนที่กำหนด
  • Batch Picking คือ การหยิบสินค้าชนิดเดียวกันจากหลายคำสั่งซื้อพร้อมกัน

ทั้งนี้ ระบบ Pick to Light จะเหมาะกับการหยิบสินค้าแบบชิ้น หรือสินค้าที่แยกบรรจุในกล่องที่ต้องการความแม่นยำสูง

Pick to Light เหมาะกับคลังสินค้าประเภทไหน ?

ระบบ Pick to Light ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คลังสินค้าหลากหลายประเภท โดยที่นิยมใช้เป็นหลัก มีดังนี้

  • คลังสินค้าที่มี SKU สูง โดยระบบนี้จะช่วยให้พนักงานสามารถหยิบสินค้าที่มีความหลากหลายได้รวดเร็วและแม่นยำ
  • ธุรกิจ E-commerce ที่จำเป็นต้องรับออร์เดอร์จำนวนมาก และต้องการจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลาอันสั้น
  • คลังชิ้นส่วนอุตสาหกรรม โดยระบบนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการหยิบชิ้นส่วนที่ต้องการ เพื่อการประกอบผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คลังสินค้าแบบ Fulfilment ซึ่งต้องการระบบมาช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้า
ผู้หญิงใช้ระบบ Pick to Light คือตัวช่วยให้หยิบสินค้าแม่นยำขึ้น

ข้อดีของระบบ Pick to Light

ระบบ Pick to Light จะทำให้การทำงานในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีข้อดีที่สำคัญหลายประการ ดังนี้

  • ลดข้อผิดพลาดในการหยิบสินค้าเนื่องจากระบบช่วยระบุตำแหน่งและจำนวนสินค้าที่ต้องหยิบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยพนักงานไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการค้นหาหรือตรวจสอบเอกสาร ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ทำให้กระบวนการหยิบสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ลดเวลาในการอบรมพนักงานใหม่เนื่องจากระบบ Pick to Light มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย จึงสามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการจดจำตำแหน่งสินค้าทั้งหมดอีกด้วย
  • รองรับการทำงานแบบ Multi-Order Picking ได้ทำให้การจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมากเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มความสามารถในการวัดผลการทำงาน (Data-driven Improvement)โดยระบบ Pick to Light สามารถเก็บข้อมูลการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้อย่างละเอียด เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อได้รู้กันแล้วว่าระบบ Pick to Light มีข้อดีอย่างหลากหลาย คงทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงความสำคัญ และสามารถตัดสินใจหันมาใช้งานกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้าต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับคลังสินค้าให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด โซลูชัน ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติจาก Tellus ผู้นำด้านระบบจัดเก็บและจัดการสต๊อกที่ครบวงจร เราพร้อมออกแบบระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ตั้งแต่ชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมคุณภาพสูงสำหรับระบบ Pick to Light ไปจนถึง จอแสดงผลสต๊อกสินค้า แบบเรียลไทม์ พร้อมทีมที่ปรึกษามืออาชีพ ให้คุณจัดการระบบคลังสินค้าที่ลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ติดต่อ Tellus วันนี้ โทร. 02-643-8044

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Pick to Light. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 จาก https://og.mhi.org/solutions-community/solutions-guide/pick-to-light

รู้ทัน 9 อันตรายในคลังสินค้าที่พบบ่อยและวิธีป้องกัน

9 อันตรายในคลังสินค้าและวิธีป้องกัน

อันตรายในคลังสินค้า ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งความปลอดภัยของพนักงาน และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพราะความเสี่ยงในคลังสินค้า ไม่ว่าจะมาจากสภาพแวดล้อม การจัดเก็บสิ่งของ หรือกระบวนการทำงาน ล้วนมีโอกาสก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่สร้างความเสียหายทั้งต่อคนและทรัพย์สินได้ บทความนี้จะพาไปสำรวจ 9 อันตรายในคลังสินค้าที่พบได้บ่อย พร้อมแนวทางป้องกันอย่างมืออาชีพ ที่ผู้ประกอบการและพนักงานคลังสินค้าสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อสร้างพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

9 อันตรายในคลังสินค้าที่พบบ่อย

ภายในคลังสินค้ามีการจัดเก็บและเคลื่อนย้ายสินค้าอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถขนย้าย หรืออุปกรณ์สำหรับยกและจัดเก็บ ซึ่งการทำงานร่วมกับสิ่งเหล่านี้ อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุในคลังสินค้าได้ หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม มาดูกันว่า 9 อันตรายที่พบได้บ่อยในคลังสินค้า มีอะไรบ้าง

การลื่นล้มและหกล้มในคลังสินค้า

การลื่นล้มและหกล้ม ถือเป็นอุบัติเหตุในคลังสินค้าที่พบได้บ่อยที่สุด โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากสภาพพื้นที่ลื่น ซึ่งอาจเกิดจากการล้างทำความสะอาดพื้น หรือแม้แต่จากการจัดเก็บสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการลื่นล้มมักนำไปสู่การบาดเจ็บที่ข้อเท้า ขา หรือกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้พนักงานต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานาน 

ความเสี่ยงจากการจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ

การจัดเก็บสินค้าหรือวัสดุไม่เป็นระเบียบ อาจทำให้พนักงานเดินชนหรือเดินสะดุด จนทำให้เกิดอุบัติเหตุในคลังสินค้า และทำให้สินค้านั้น ๆ ได้รับความเสียหายได้

การเคลื่อนย้ายสินค้าผิดวิธี

อันตรายจากการเคลื่อนย้ายสินค้าผิดวิธี เป็นอีกหนึ่งอันตรายในคลังสินค้าที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง เช่น การที่พนักงานยกของหนักด้วยตัวเองโดยไม่ใช่เครื่องทุ่นแรง หรือใช้เครื่องมือผิดประเภท 

การเก็บรักษาวัสดุอันตรายผิดวิธี

วัสดุอันตราย เช่น เคมีภัณฑ์ หรือสารพิษ หากไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างเหมาะสมในคลังสินค้า อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งพนักงานและสินค้าที่เก็บอยู่ เพราะวัสดุอันตรายที่เก็บไม่ดีอาจรั่วไหล และทำให้เกิดการระเบิด หรือเกิดการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว 

วัสดุตกหล่นจากที่สูง

การที่วัสดุในคลังสินค้า เช่น พาเลต กล่อง หรือสินค้าที่เก็บไว้ไม่มั่นคง ตกหล่นลงมาจากที่สูง อาจทำให้พนักงานที่อยู่ด้านล่างได้รับบาดเจ็บ หรือทำให้วัสดุเหล่านั้นได้รับความเสียหาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทั้งหมดของคลังสินค้า เพราะการหยุดชะงักจากอุบัติเหตุดังกล่าว อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน หรือแม้กระทั่งต้องหยุดพักงานทั้งหมดไปชั่วคราว

อุบัติเหตุจากรถยก (ฟอร์กลิฟต์)

อุบัติเหตุจากรถยก หรือรถฟอร์กลิฟต์ (Forklift) เป็นหนึ่งในอันตรายในคลังสินค้าที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะรถโฟล์คลิฟต์เป็นรถที่มีการใช้งานบ่อย เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก ซึ่งหากผู้ขับขี่ไม่ระวัง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น การชนกับพนักงาน หรือชนเข้ากับสิ่งกีดขวาง ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินในคลัง 

การบาดเจ็บจากเครื่องจักรหรืออุปกรณ์

เครื่องจักรที่ใช้ในคลังสินค้า เช่น สายพานลำเลียง เครื่องยก หรือรอก เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในคลังสินค้าได้ หากผู้ใช้งานขาดความระมัดระวัง หรือขาดการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง เช่น เกิดอุบัติเหตุจากการใช้เครื่องผิดวิธี หรือเครื่องขัดข้องระหว่างทำงาน จนทำให้ผู้ใช้งานได้รับบาดเจ็บ 

ปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้

ปัญหาจากการลัดวงจรของระบบไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในคลังสินค้า เป็นปัญหาที่รุนแรง และต้องได้รับการป้องกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก เพราะอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร สามารถทำลายทรัพย์สินและทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้

ความเหนื่อยล้าของพนักงาน

ความเหนื่อยล้าของพนักงาน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในคลังสินค้า โดยเฉพาะเมื่อพนักงานทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะพนักงานที่เหนื่อยล้าจะสูญเสียสมาธิในการทำงาน และทำให้ขาดความระมัดระวังได้ง่าย

พนักงานปฏิบัติตามวิธีลดความเสี่ยงในคลังสินค้า

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงในคลังสินค้าอย่างมืออาชีพ

การอบรมและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงในคลังสินค้า คือ การให้ความสำคัญกับการอบรมพนักงานทุกระดับ โดยการอบรมควรครอบคลุมทั้งวิธีการทำงานที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมืออย่างปลอดภัย และการปฏิบัติตนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร จะทำให้พนักงานทุกคนมีความตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น 

การจัดการพื้นที่และการเก็บรักษาสินค้าอย่างเหมาะสม

การจัดพื้นที่ในคลังสินค้าให้เป็นระเบียบ สามารถช่วยลดอันตรายในคลังสินค้าที่เกิดจากวัสดุตกหล่นจากที่สูง และความเสี่ยงจากการจัดเก็บสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการใช้ชั้นวางที่มีความมั่นคง และการจัดเรียงสินค้าที่เหมาะสม เป็นวิธีที่สามารถป้องกันไม่ให้สินค้าตกหล่นได้ นอกจากนี้ การจัดการพื้นที่ที่ดียังช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวก และลดการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ผิดวิธี

การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน

การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เป็นการป้องกันอันตรายในคลังสินค้าที่เกิดจากการใช้เครื่องมือที่ไม่ปลอดภัย เช่น การใช้เครื่องจักรที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ ซึ่งการเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ และมีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องมือเหล่านั้นได้ 

การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ

การบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ เป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ และอาจเกิดการเสียหายระหว่างการใช้งาน การตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นประจำ และมีการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลา จะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ 

การวางแผนและจัดการฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

การเตรียมความพร้อมในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการลดผลกระทบจากอุบัติเหตุในคลังสินค้า เช่น ไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ หรือการบาดเจ็บจากการเคลื่อนย้ายสินค้าผิดวิธี ซึ่งการมีแผนฉุกเฉินที่ชัดเจน และการฝึกซ้อมให้พนักงานทุกคนรู้วิธีการตอบสนองในกรณีเกิดเหตุ จะช่วยลดความเสียหาย และช่วยให้สามารถรับมือกับอันตรายได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในจุดเสี่ยง เช่น ขอบเสา หรือทางเดินในคลังสินค้า การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันคุณภาพสูงเป็นสิ่งจำเป็น “ยางกันชนขอบเสา” จาก Tellus คือหนึ่งในโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสียหาย และเพิ่มความปลอดภัยในคลังสินค้าของคุณ พร้อมด้วยบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ธุรกิจของคุณวันนี้ ที่ โทร. 02-643-8044

ข้อมูลอ้างอิง

  1. อันตรายที่ควรระวังในคลังสินค้า และการป้องกันมันไม่ให้เกิดขึ้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 https://supakornsafety.com/อันตรายที่ควรระวังในคลังสินค้า-และการป้องกันมันไม่ให้เกิดขึ้น/

Home Office storage ideas that make your workspace more inviting

5 ไอเดียจัดออฟฟิศ สร้างมุมเก็บของที่สวยและใช้งานได้จริง

ปัจจุบันพื้นที่ออฟฟิศยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องกว้างเสมอไป แต่การจัดสรรพื้นที่ให้ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ กลับเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบที่ดี บทความนี้จึงรวบรวม 5 ไอเดียจัดออฟฟิศที่ช่วยเปลี่ยนสำนักงานธรรมดา ให้กลายเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ พร้อมรองรับทั้งงานเอกสาร สต๊อกสินค้า หรือของใช้ภายในออฟฟิศอย่างเป็นระเบียบ

Home Office storage ideas that make your workspace more inviting

1. เพิ่ม “ชั้นวางสินค้า” สร้างคลังย่อยในออฟฟิศ

การจัดเก็บสินค้าในออฟฟิศขนาดเล็กไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีสต๊อกไม่มาก เช่น แบรนด์ออนไลน์ หรือสำนักงานที่มีการจัดเก็บเอกสารหรืออุปกรณ์สำนักงานบางประเภท การเลือกใช้ “ชั้นวางสินค้า” แบบโมดูลาร์ (Modular) จึงกลายเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะสามารถปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปแบบตามปริมาณสิ่งของที่เก็บได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นกล่องเอกสาร สินค้าชิ้นเล็ก หรืออุปกรณ์สำนักงาน ก็สามารถจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยลดปัญหาความวุ่นวายบนโต๊ะทำงานได้ดี

นอกจากนี้ ชั้นวางสินค้ายังสามารถทำหน้าที่เป็นฉากกั้นห้องไปในตัว โดยเฉพาะออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัด การวางชั้นเพื่อจัดออฟฟิศในลักษณะนี้ จะช่วยแบ่งโซนทำงานออกจากโซนจัดเก็บสินค้าได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้ผนังทึบ จึงเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งและทำให้พื้นที่ดูมีระเบียบมากขึ้น ที่สำคัญคือสามารถขยับหรือดัดแปลงตามความต้องการของทีมงานได้ทุกเมื่อ

2. ตู้เก็บของหลบสายตา ช่วยให้พื้นที่ดูโปร่ง

ไอเดียมุมเก็บของในสำนักงานสำหรับออฟฟิศที่ต้องการบรรยากาศโล่ง โปร่ง สบายตา ต้อง “ตู้เก็บของหลบสายตา” ซึ่งเป็นตู้ที่แนบไปกับผนัง หรือซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทำงานที่จะช่วยลดความรู้สึกรกตา และทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

โดยเฉพาะดีไซน์ของตู้ที่ใช้บานปิดเรียบสนิท ไม่มีมือจับหรือเส้นสายเกินจำเป็น จะช่วยให้ภาพรวมของออฟฟิศดูสะอาดตา เหมาะกับสไตล์การตกแต่งแบบมินิมอล ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหลายสำนักงาน การซ่อนของใช้หรือเอกสารไว้ในตู้ที่ไม่ดึงดูดสายตา ยังช่วยลดความรู้สึกวุ่นวายระหว่างทำงาน ส่งเสริมสมาธิ และสร้างบรรยากาศให้การทำงานราบรื่นขึ้นอีกระดับ

3. มุมจัดเก็บแบบ Built-in พร้อมโต๊ะทำงาน

เมื่อพื้นที่ในออฟฟิศมีจำกัด การใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in คือไอเดียมุมเก็บของในสำนักงานที่ชาญฉลาด เพราะจะช่วยให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะทำงานที่ออกแบบร่วมกับลิ้นชักและตู้เก็บของ พร้อมช่วยลดการวางเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นซึ่งเปลืองพื้นที่ และยังทำให้การหยิบใช้งานสิ่งของในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Built-in คือการดึงพื้นที่แนวตั้งมาใช้ให้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางของเหนือโต๊ะทำงานหรือช่องเก็บของที่ติดตั้งต่อเนื่องขึ้นไปจนถึงเพดาน เหมาะกับออฟฟิศขนาดเล็กหรือโฮมออฟฟิศที่ต้องการทั้งความเป็นระเบียบและฟังก์ชันครบในพื้นที่จำกัด การออกแบบมุมทำงานลักษณะนี้ ยังช่วยจัดสรรพื้นที่ส่วนตัวให้แก่พนักงานได้ดีอีกด้วย

4. ผนังแนวคิดสร้างสรรค์ เป็นได้ทั้งฉากและพื้นที่เก็บ

Staff in a stockroom inspiring for home office storage ideas.

เพราะผนังในออฟฟิศไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อการแบ่งห้องอีกต่อไป เมื่อมีการใช้ผนังอย่างชาญฉลาดจะสามารถเพิ่มฟังก์ชันในพื้นที่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเช่น การเลือกผนังที่ออกแบบให้เป็น Whiteboard สำหรับจดไอเดีย ประชุมย่อย หรือวางแผนงานร่วมกัน ซึ่งสามารถติดตั้งรางแขวนของด้านข้างหรือด้านล่างเพิ่มเติมได้ เช่น ราวแขวนอุปกรณ์สำนักงาน กระถางต้นไม้เล็ก หรือชั้นวางแฟ้ม

ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่ด้านล่างของผนังยังสามารถใช้จัดออฟฟิศ บริหารสิ่งของได้ด้วยการติดตั้งชั้นลอยสำหรับเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หนังสือ เอกสาร หรือของใช้เบา ๆ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ผนังกลายเป็นพื้นที่ทำงานและจัดเก็บในตัว ลดความสิ้นเปลืองพื้นที่แนวนอน และยังช่วยให้การจัดระเบียบดูเป็นธรรมชาติสอดคล้องกับการตกแต่งโดยรวม

5. โซนพักผ่อนที่เก็บของได้ในตัว

การมีโซนพักผ่อนภายในออฟฟิศไม่เพียงแต่ช่วยเติมพลังให้แก่พนักงาน แต่ยังสามารถออกแบบให้กลายเป็นพื้นที่เก็บของแฝงไว้อีกด้วย เช่น การเลือกใช้โซฟาหรือเบาะนั่งที่มีช่องเก็บของซ่อนอยู่ภายใน ช่วยจัดเก็บของใช้ส่วนตัวหรือเอกสารที่ไม่ต้องการหยิบใช้บ่อย ๆ ได้อย่างเรียบร้อยและประหยัดพื้นที่

นอกจากนี้ บริเวณโซนพักผ่อนยังสามารถตกแต่งด้วยตู้หนังสือหรือมุมโชว์ของที่นอกจากจะใช้วางของตกแต่งแล้ว ยังสามารถเก็บเอกสาร งานเบา ๆ หรือของใช้ออฟฟิศอื่น ๆ ได้อีกด้วย การจัดออฟฟิศลักษณะนี้ไม่เพียงทำให้ออฟฟิศดูอบอุ่น น่าทำงานขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศเป็นกันเอง ลดความตึงเครียดระหว่างวัน และทำให้ทุกตารางเมตรภายในออฟฟิศถูกใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด

แต่งเติมออฟฟิศให้ใช้งานได้เต็มที่ ด้วยชั้นวางสินค้าราคาโรงงานจาก Tellus ที่ตอบโจทย์การจัดเก็บได้ทุกการใช้งาน ด้วยมาตรฐานการผลิตที่ดีที่สุดและนวัตกรรมที่ทันสมัย เราคือผู้นำด้าน Storage Solution ที่เข้าใจทุกความต้องการของคุณ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการที่เหนือระดับเพื่อธุรกิจของคุณ

ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอคำปรึกษาและเริ่มต้นปรับปรุงระบบจัดเก็บสินค้าของคุณให้ทันสมัย ตอบโจทย์ธุรกิจโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่ โทร. 02-643-8044 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. รวม 15 ไอเดียตกแต่งออฟฟิศ สร้างบรรยากาศน่าทำงาน และปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 จาก https://www.okamura.co.th/article/office-decoration-ideas/

Woman organising her desk using the KonMari clean-up method

KonMari Method คืออะไร ? ทำไมธุรกิจยุคใหม่ถึงควรนำมาใช้

Woman organising her desk using the KonMari clean-up method

ในโลกของธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจัดระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน หนึ่งในแนวคิดการจัดระเบียบที่ได้รับความนิยมทั่วโลก คือ KonMari Method หรือที่หลายคนรู้จักกันว่า “จัดระเบียบสไตล์ KonMari” ที่มุ่งเน้นการเก็บรักษาเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าและสร้างความสุข

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกว่า KonMari Method คืออะไร พร้อมแนะนำวิธีประยุกต์ใช้ในการจัดระเบียบบริษัทให้เป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

ชวนรู้จัก KonMari Method คืออะไร ?

KonMari Method คือ ระบบการจัดระเบียบที่พัฒนาโดย มารี คอนโด (Marie Kondo) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก แนวคิดหลักของวิธีนี้คือการจัดสิ่งต่าง ๆ ให้เหลือเฉพาะสิ่งที่ “Spark Joy” หรือสร้างความสุข และคัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างพื้นที่ที่เอื้อต่อประสิทธิภาพและความสงบใจ

การประยุกต์ใช้ KonMari Method ในองค์กรธุรกิจ

แนวทาง KonMari สามารถปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดระเบียบข้อมูล ทรัพยากร พื้นที่ทำงาน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เมื่อองค์กรเลือกเก็บเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าและกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก จะช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มความคล่องตัว และเสริมสร้างประสิทธิภาพโดยรวม

6 ขั้นตอนจัดระเบียบสไตล์ KonMari ให้แก่บริษัท

1. มุ่งมั่นจัดระเบียบธุรกิจอย่างเต็มที่

เริ่มต้นจากผู้นำองค์กรที่ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความสำคัญของการจัดระเบียบ พร้อมกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การสร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

2. กำหนดวิสัยทัศน์บริษัทในอุดมคติ

ก่อนลงมือจัดระเบียบ ควรวางภาพอนาคตขององค์กรให้ชัดเจน ทั้งในแง่ของบรรยากาศการทำงาน โครงสร้างองค์กร และเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าอะไรควรเก็บไว้ อะไรควรปล่อยไป 

3. ทิ้งสิ่งที่ไม่สร้าง "Spark Joy" ให้ธุรกิจ

หัวใจสำคัญของ KonMari Method คือการคัดกรองสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือไม่สร้างคุณค่าออกไป ไม่ว่าจะเป็น

  • Documents & Data: : กำจัดข้อมูลที่ล้าสมัย เก็บเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญ
  • ลูกค้าและพาร์ตเนอร์ : ประเมินลูกค้า พาร์ตเนอร์ หรือซัปพลายเออร์ที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่า แล้วพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือยุติสัญญา
  • อุปกรณ์และเทคโนโลยี : คัดกรองซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ไม่จำเป็นออก
  • กระบวนการทำงาน : ตัดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ

4. จัดระบบตามหมวดหมู่ธุรกิจ

แบ่งหมวดหมู่ชัดเจนเพื่อความเป็นระเบียบ เช่น

  • เอกสารและข้อมูล : เช่น สัญญา ข้อมูลลูกค้า รายงานทางการเงิน และเอกสารทางกฎหมาย ควรมีระบบการจัดเก็บที่ปลอดภัย เข้าถึงง่าย และมีการอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
  • ทรัพยากรบุคคล : การจัดโครงสร้างทีมและบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน จะช่วยให้พนักงานเข้าใจความรับผิดชอบของตนเองและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบเทคโนโลยี : การจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นระเบียบและเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคน ทุกแผนกสามารถเข้าถึงข้อมูลตามสิทธิ์ได้อย่างราบรื่นทั่วทั้งองค์กร
  • พื้นที่ทำงาน : การจัดพื้นที่ทำงานให้เป็นระเบียบ สะอาด และเอื้อต่อการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ การมีพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสุขและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน

5. เรียงลำดับการจัดระเบียบให้ถูกต้อง

ออกแบบระบบการจัดระเบียบตามลำดับความสำคัญ เอกสารและอุปกรณ์ที่จำเป็นควรเข้าถึงได้ใน 30 วินาที เพื่อช่วยลดเวลาทำงานและเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ

6. สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ "Spark Joy"

การสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จะช่วยให้พนักงานมีความสุขและผูกพันกับองค์กรมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร

Organising business space using multipurpose shelving storage and the KonMari Method

ข้อดีของการนำ KonMari Method มาใช้ในบริษัท

การประยุกต์ใช้การจัดระเบียบสไตล์ KonMari Method ในองค์กรให้ประโยชน์หลายประการ ดังนี้

  • ลดเวลาการทำงาน : เอกสารและอุปกรณ์ที่จัดระเบียบดีสามารถช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาถึง 20-40%
  • เพิ่ม Productivity : พนักงานสามารถโฟกัสกับงานสำคัญ แทนที่จะต้องไปจัดการกับความยุ่งเหยิง
  • ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ : พื้นที่ว่างทั้งทางกายภาพและจิตใจ จะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ
  • เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก : การมีพื้นที่ที่สะอาด มีระเบียบ ทำให้เกิดความสุขในการทำงาน
  • เพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร : สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นระเบียบ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพาร์ตเนอร์

เริ่มต้นจัดระเบียบองค์กรของคุณด้วย “ชั้นเหล็กวางของอเนกประสงค์” จาก Tellus

หากคุณกำลังวางแผนจะนำ KonMari Method มาใช้ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและสร้างพื้นที่ทำงานที่สะอาดและมีระบบ ชั้นเหล็กวางของอเนกประสงค์จาก Tellus คือทางเลือกที่ตอบโจทย์

  • แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้หลากหลาย
  • ออกแบบได้ตามพื้นที่ใช้งาน
  • เหมาะสำหรับทั้งสำนักงาน คลังสินค้า หรือแผนกผลิต
  • ช่วยแยกหมวดหมู่อุปกรณ์และเอกสารให้เป็นระเบียบ

Tellus เราคือผู้นำด้าน Storage Solution สำหรับธุรกิจ ที่เข้าใจทุกความต้องการของคุณ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการที่เหนือระดับเพื่อธุรกิจของคุณตลอดไป ติดต่อเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและเริ่มต้นการจัดระเบียบองค์กรของคุณวันนี้ ! สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044 

แหล่งอ้างอิง

  1.  6 เทคนิคจัดบ้านด้วย KonMari Method ตามแบบฉบับ Kondo Marie. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 จาก https://www.japankakkoii.com/lifestyle/home-tidying-konmari-method/