พนักงานกำลังหาเอกสารจากตู้วางเอกสาร

ประเภทของตู้วางเอกสาร และเทคนิคการเลือกให้ตอบโจทย์

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ การจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบจึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ตู้เหล็กอเนกประสงค์จัดเก็บเอกสารจึงเปรียบเสมือนผู้ช่วยสำคัญที่ช่วยให้การทำงานในออฟฟิศมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาโซลูชันจัดการงานเอกสาร มาทำความรู้จักกับตู้เก็บเอกสาร สำนักงานประเภทต่าง ๆ พร้อมเทคนิคการเลือกตู้เหล็กอเนกประสงค์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน

พนักงานกำลังหาเอกสารจากตู้วางเอกสาร

ประโยชน์ของการจัดเก็บเอกสาร

การจัดเก็บเอกสาร เป็นกระบวนการจัดระบบ จัดหมวดหมู่ และเก็บรักษาเอกสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้สามารถค้นหาเอกสารที่ต้องการได้ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรต่าง ๆ โดยมีข้อดีดังนี้

1. ค้นหาเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว

เมื่อเอกสารถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ จะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาเอกสารที่ต้องการ พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาทั่วออฟฟิศ

2. ป้องกันเอกสารสูญหาย

เอกสารส่วนตัว เอกสารธุรกิจ หรือเอกสารราชการ ล้วนมีข้อมูลสำคัญที่หากเล็ดลอดไปสู่ผู้ไม่หวังดีอาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งด้านการเงิน กฎหมาย และชื่อเสียง ดังนั้น การจัดเก็บเอกสารในตู้ที่ปิดล็อกอย่างมิดชิด จำกัดการเข้าถึง จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องเอกสารสำคัญ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเอกสารจะปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ

3. ประหยัดพื้นที่

สำหรับสำนักงานที่มีพื้นที่จำกัด การใช้ชั้นวางเอกสารหรือตู้เก็บแฟ้มเอกสารขนาดเหมาะสม นอกจากจะช่วยให้จัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยให้ใช้พื้นที่ที่มีจำกัดได้อย่างคุ้มค่าในทุกตารางนิ้วอีกด้วย

4. รักษาเอกสารให้คงทน

วิธีการเก็บเอกสารให้ปลอดภัยจากฝุ่นละออง ความชื้น แสงแดด และแมลง คือการจัดเก็บเอกสารในกล่องหรือแฟ้มที่ปิดมิดชิด จะช่วยป้องกันเอกสารจากความเสียหาย ยืดอายุการใช้งาน และทำให้ค้นหาเอกสารได้ง่าย

5. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร

การจัดเก็บเอกสารในตู้วางเอกสารที่มีดีไซน์สวย สะอาดตา และเป็นระเบียบ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ

ตู้เหล็กอเนกประสงค์ สำหรับจัดเก็บเอกสาร

ประเภทของตู้เหล็กอเนกประสงค์ ตู้เก็บแฟ้มเอกสาร

ปัจจุบันตู้เก็บเอกสารมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภท โดยเฉพาะตู้เหล็กอเนกประสงค์ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน โดยมีประเภทที่นิยมใช้ในสำนักงาน ดังนี้

  1. ตู้เก็บเอกสารแบบมีลูกรอก : ตู้เหล็กที่มีล้อด้านล่าง สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัด สำหรับเก็บเอกสารทั่วไป อุปกรณ์สำนักงาน ของใช้ส่วนตัว
  2. ตู้เก็บเอกสารแบบชั้นวางอิสระ : ตู้เหล็กที่มีชั้นวาง ไม่มีบานปิด สามารถปรับแต่งพื้นที่จัดเก็บได้หลากหลาย เหมาะสำหรับเก็บเอกสารที่หยิบใช้งานบ่อย หนังสือ ของสะสม
  3. ตู้เก็บเอกสารแบบบานเปิด-ปิด : ตู้เหล็กที่มีบานเปิด-ปิดมิดชิด ป้องกันฝุ่นละออง รักษาเอกสารให้อยู่ในสภาพดี มีรูปลักษณ์สวยงาม เหมาะสำหรับเก็บเอกสารสำคัญ เอกสารลับ หรือของมีค่าต่าง ๆ
  4. ตู้เก็บเอกสารแบบ Locker : ตู้เหล็กที่มีช่องเก็บของแยกเป็นชั้น พร้อมกุญแจล็อก ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เหมาะสำหรับเก็บของมีค่า ของใช้ส่วนตัว เอกสารลับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เทคนิคการเลือกตู้เหล็กอเนกประสงค์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน

ตู้เหล็กอเนกประสงค์ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับจัดเก็บเอกสาร อุปกรณ์สำนักงาน ของใช้ส่วนตัว หรือสินค้าคงคลัง อย่างไรก็ตาม การเลือกตู้เหล็กอเนกประสงค์ให้เหมาะกับการใช้งานนั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ขนาดพื้นที่และรูปทรง : พิจารณาความสูง ความกว้าง และความลึกของพื้นที่ติดตั้ง และจำนวนเอกสาร เพื่อเลือกรูปแบบตู้ที่มีรูปทรงและขนาดเหมาะสม ไม่ควรเล็กจนเกินไป เพราะอาจทำให้เก็บของไม่พอ
  • การใช้งาน : สำหรับการเก็บของทั่วไปควรเลือกรูปแบบตู้ที่มีชั้นวางอิสระ มีชั้นวางของหลายชั้น แต่ถ้าหากต้องการเก็บเอกสาร ควรเลือกรูปแบบตู้ที่มีลิ้นชัก ที่ช่วยจัดเก็บได้มิดชิด ป้องกันฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้
  • ฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม : เลือกตู้ที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับความต้องการ เช่น มีชั้นวางของแบบปรับระดับได้ เหมาะกับการจัดเก็บของที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน มีลิ้นชักแบบล็อกได้ เหมาะกับการเก็บข
  • วัสดุมีคุณภาพ : เลือกตู้ที่มีพื้นผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย ผลิตจากเหล็กหนา ทนทาน กันน้ำ กันไฟ และกันสนิม

มาเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บสินค้า อุปกรณ์ และเอกสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย ตู้เก็บเอกสาร ชั้นวางของสำนักงาน from Tellus, the ultimate in storage standardsและระบบชั้นวางอเนกประสงค์ครบวงจรจาก Tellus ที่สุดของ Storage Solution ที่ได้มาตรฐาน เพราะเราเป็นผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและการจัดการสินค้า ในราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมของคุณ พร้อมมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044.

แหล่งอ้างอิง

ชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking

ข้อดีและการเลือกชั้นวาง Selective Racking ให้เหมาะกับธุรกิจ

Selective Racking คือระบบจัดเก็บสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคลังสินค้าทั่วไป ด้วยความยืดหยุ่นและการเข้าถึงสินค้าที่สะดวก เหมาะสำหรับสินค้าหลากหลายประเภท สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาโซลูชันคลังสินค้าที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงสินค้าได้ง่าย มาทำความรู้จักข้อดีของชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking และแนวทางการเลือกชั้นวางที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ

ชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking

Selective Racking คืออะไร ?

ชั้นวางสินค้า Selective Racking คือ ชั้นวางแบบเลือกพาเลทได้ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในโรงงานอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นรูปแบบชั้นวางที่เหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าหลากหลายประเภทบนพาเลท ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี และสามารถปรับระยะห่างของชั้นวางได้ตามต้องการ และมีข้อจำกัดที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับชั้นวางประเภทอื่น ๆ

ข้อดีการจัดเก็บสินค้าบนชั้นวางสินค้าแบบซีเล็คทีฟแร็ค

Selective Racking ระบบจัดเก็บสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายและยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถหยิบสินค้าทุกประเภทได้อย่างสะดวกจากทั้งสองฝั่งของชั้นวาง ช่วยให้จัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และพื้นที่จัดเก็บ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลังในโรงงาน คลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า

  • เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้า: ชั้นวางที่สามารถจัดเก็บสินค้าเป็นชั้น ๆ บนโครงสร้างสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มพื้นที่แนวตั้งให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า
  • ควบคุมสต็อกสินค้าได้ง่าย : การจัดเก็บสินค้าบนชั้นวางแบบซีเล็คทีฟแร็ค ช่วยให้มองเห็นสินค้าในคลังได้ชัดเจน ง่ายต่อการตรวจสอบสต็อกสินค้า ค้นหาสินค้า และหยิบสินค้า
  • จัดเก็บสินค้าได้หลายประเภท : ชั้นวางที่รองรับการจัดเก็บสินค้าหลากหลายประเภท และสามารถปรับขนาดและรูปแบบชั้นวางให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท
  • มีความยืดหยุ่นในการเก็บสินค้า : สามารถปรับระดับความสูงของชั้นวางได้ตามต้องการ รองรับสินค้าที่มีขนาดและรูปทรงแตกต่างกัน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสินค้า
  • รองรับสินค้าหนักได้ดี : ชั้นวางผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง โครงสร้างมีความแข็งแรง ทนทาน รองรับสินค้าที่มีน้ำหนักได้ดี ช่วยป้องกันสินค้าเสียหาย
  • ประหยัดงบประมาณ : ระบบชั้นวางสินค้าแบบซีเล็คทีฟแร็คมีต้นทุนของวัสดุต่ำ ใช้แรงงานน้อยในการติดตั้ง ทำให้เป็นหนึ่งในระบบชั้นวางที่เหมาะสมที่สุด
ชั้นวางสินค้าแบบซีเล็คทีฟแร็ค

วิธีการเลือกใช้งานชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking

การเลือกใช้งานชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking ให้เหมาะสมกับธุรกิจ จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. ลักษณะของสินค้า : พิจารณาขนาดสินค้าทั้งความกว้าง ความยาว ความสูง และน้ำหนักสินค้าแต่ละชิ้น เพื่อเลือกชั้นวางที่สามารถรองรับขนาดสินค้าได้อย่างเหมาะสม
  2. พื้นที่คลังสินค้า : ตรวจสอบขนาดและความสูงของคลังสินค้า ตลอดจนการวางผังต่าง ๆ เช่น ตำแหน่งจัดเก็บ เส้นทางและระบบลำเลียงขนส่ง เพื่อให้สามารถเลือกชั้นวางและจำนวนให้เข้ากับพื้นที่ จึงสามารถจัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม : ระบบ FIFO การหยิบสินค้าที่เก็บเข้าคลังก่อนออกไปก่อน / LIFO การเก็บสินค้าที่เข้ามาล่าสุดออกก่อนเสมอ หรือระบบกันตก เช่น การทำราวกันตก ตัวป้องกันชั้นวางสินค้า หรืออุปกรณ์นิรภัยยึดติดกับโครงสร้างโดยรอบ
  4. งบประมาณ : กำหนดงบประมาณสำหรับการลงทุนในชั้นวางสินค้าแบบซีเล็คทีฟแร็ค พร้อมทำการเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติจากผู้จำหน่ายหลายรายก่อนตัดสินใจ
  5. เลือกซื้อจากผู้จำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ : ควรเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายที่มีบริการออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย
  6. ตรวจสอบคุณภาพของชั้นวางก่อนใช้งาน : ตรวจสอบโครงสร้างของชั้นวางว่ามีความแข็งแรง มั่นคง ไม่มีรอยแตกหรือรอยร้าว รวมถึงงานสีและผิวเคลือบของชั้นวางว่าเรียบเนียน ไม่มีรอยขีดข่วนหรือรอยถลอก เพื่อการใช้งานที่มีคุณภาพในระยะยาว

ชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking ชั้นวางสินค้าแบบซีเล็คทีฟแร็ค

การเลือกใช้งานชั้นวางสินค้าแบบ Selective Racking อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ธุรกิจมีระบบจัดเก็บสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความปลอดภัย สำหรับผู้ประกอบการที่มองหา ชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม รองรับน้ำหนักได้อย่างทนทาน และปลอดภัย ต้องปรึกษาเรา ! Tellus ผู้ผลิตและออกแบบระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ จำหน่าย Selective Racking ชั้นวางสินค้าแบบเลือกพาเลท ในราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมของคุณ พร้อมมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044.

แหล่งอ้างอิง

พนักงานช่วยกันดูแลชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม

เทคนิคการดูแลชั้นวางสินค้า เพื่อการใช้งานและความปลอดภัย

เมื่อความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ปฏิบัติงานที่มีสินค้าอยู่เป็นกองพะเนิน การใช้ชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อจัดระเบียบภายในโกดังให้ได้มาตรฐาน จึงมีข้อดีทั้งความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้สามารถจัดการงานสต็อกได้อย่างรวดเร็ว หาง่าย หยิบจับสะดวก แต่ถึงแม้จะมีข้อดีมากมายขนาดไหน หากไม่มีการดูแลชั้นวางสินค้าให้เหมาะสม ก็อาจจะเปลี่ยนจากอุปกรณ์ที่ช่วยจัดระเบียบและความปลอดภัย ให้กลายเป็นต้นเหตุของการเกิดอันตรายต่อสินค้าและผู้คนได้เหมือนกัน

ในบทความนี้จึงขอเสนอเทคนิคการดูแลชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมให้ใช้ได้ปลอดภัย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมข้อดีของการตรวจสอบชั้นวางสินค้าโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ

พนักงานช่วยกันดูแลชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม

แชร์เทคนิคการดูแลชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมให้ใช้ได้ปลอดภัย

ชั้นวางสินค้า อุปกรณ์ชิ้นสำคัญของคลังสินค้า มีหน้าที่ช่วยให้จัดเก็บสินค้าได้เป็นระเบียบ หยิบใช้งานสะดวก และประหยัดพื้นที่ ดังนั้น การดูแลรักษาชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม มาดูเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบสภาพชั้นวางสินค้าเป็นประจำ

มองหาสัญญาณความเสียหายของชั้นวาง เช่น รอยแตกร้าว รอยบิดงอ ชิ้นส่วนที่หลวม ฯลฯ หากพบร่องรอยความเสียหายใด ๆ ควรหยุดใช้งานชั้นวางทันที และติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อดำเนินการซ่อมแซม

2. วางแผนการจัดเก็บสินค้าอย่างเหมาะสม

ผู้ใช้งานควรวางแผนการจัดเก็บสินค้า โดยคำนึงถึงน้ำหนัก ขนาด และประเภทของสินค้า เช่น

  • การจัดหมวดหมู่สินค้าประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน ช่วยให้ง่ายต่อการหยิบใช้งานและตรวจสอบสต็อก
  • การเก็บแบบกระจายน้ำหนักสินค้าให้ทั่วทั้งชั้นวางไม่ควรวางสินค้าหนัก ๆ ไว้ที่ชั้นบนสุด หรือโหลดสินค้ามากเกินพิกัด
  • การติดป้ายกำกับบนชั้นวางเพื่อระบุประเภทสินค้า น้ำหนักสูงสุดที่รองรับ ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัย

3. หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้สึกหรอ

การดูแลชั้นวางสินค้าด้วยการทำความสะอาดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสนิม ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกสะสม โดยเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับวัสดุของชั้นวาง และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพื่อป้องกันชั้นวางสินค้าสีซีดจาง เสื่อมสภาพ และกลายเป็นสนิม

4. หลีกเลี่ยงการปีนหรือเหยียบชั้นวางสินค้า

ชั้นวางสินค้าเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน เพื่อรองรับน้ำหนักสินค้า ไม่ใช่เพื่อการปีนป่ายหรือเหยียบ เพราะจะทำให้ชั้นวางสินค้าเสียหายเร็ว ถ้าหากต้องการหยิบสินค้าในที่สูง พนักงานควรใช้บันไดหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม จะช่วยดูแลชั้นวางสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

5. หมั่นตรวจเช็กอะไหล่และซ่อมบำรุงเสมอ

ควรหมั่นตรวจสอบสภาพอะไหล่ของชั้นวางสินค้าเป็นประจำ เช่น นอต สลักเกลียว ยึดให้แน่นหนา หากพบชิ้นส่วนที่ชำรุด หรือเกิดสนิม ควรทำการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนใหม่ทันที จะช่วยยืดอายุการใช้งานชั้นวางสินค้าได้

การดูแลชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมให้ใช้ได้ปลอดภัย ไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของชั้นวาง แต่ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายต่อสินค้าและบุคคลซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่อีกด้วย

ชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรม

ข้อดีของการตรวจสอบชั้นวางสินค้าโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ

บริการตรวจสอบชั้นวางสินค้าโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะช่วยดูแลชั้นวางสินค้า และอุปกรณ์ภายในคลังให้สะดวกต่อการทำงานมากที่สุดแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้

  • เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน: ทีมผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบสภาพชั้นวางอย่างละเอียด หารอยชำรุด หรือการสึกหรอ ซึ่งหากพบความเสียหายตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ป้องกันไม่ให้ชั้นวางพังทลาย ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าของคลังสินค้า พนักงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า ชั้นวางสินค้าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีความปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงของอุบัติเหตุ
  • เพิ่มประสิทธิภาพชั้นวางสินค้า : การประเมินความสามารถในการรับน้ำหนัก โดยอาจอ้างอิงจากเอกสารการซื้อขายที่จะระบุความสามารถในการรับน้ำหนักของชั้นวางแต่ละอัน โดยผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีจัดวางสินค้าใหม่ให้เหมาะสม ช่วยให้ชั้นวางสินค้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพการใช้งาน
  • ป้องกันความเสียหายในคลังสินค้า : การตรวจสอบชั้นวางสินค้าอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้พบปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้าและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจตามมา
  • งบประมาณ : การตรวจสอบชั้นวางสินค้าเป็นประจำ นอกจากจะช่วยป้องกันความเสียหายของสินค้าแล้ว ที่สำคัญคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้านหากเกิดกรณีชั้นวางสินค้าล้มลงมา เช่น ค่าซื้อและติดตั้งชั้นวางใหม่ ค่าซ่อมแซมสินค้าหรือค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าใหม่ หรือค่าชดเชยความเสียหาย และอาจรวมไปถึงค่าปรับจากลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกี่ยวพันกับภาพลักษณ์ของธุรกิจโดยตรง

มาเลือกชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ต้องเลือกจาก Tellus ตัวจริงด้านผู้ผลิตและออกแบบระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ในราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมของคุณ พร้อมมีบริการหลังการขาย ช่วย ตรวจสอบชั้นวางสินค้า ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด ดำเนินการภายใต้การดูแลโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-643-8044.

แหล่งอ้างอิง

การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า

6 รูปแบบการจัดเก็บสินค้าในคลัง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า

ในหนังสือ The Warehouse Management Handbook; the second edition เรื่อง Stock Location Methodology ซึ่งถือเป็นคู่มืออ้างอิงสุดคลาสสิกจากสหรัฐอเมริกา ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับหลักการและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการคลังสินค้า ที่ได้รับการแปลเป็นหลายภาษาและใช้กันทั่วโลก ได้กล่าวถึงการจัดตำแหน่งวางสินค้า (Stock Location Assignment) ไว้ว่า เป็นกระบวนการกำหนดตำแหน่งการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสินค้า สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่อยากมีกลยุทธ์การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าที่มีคุณภาพ เข้ามาอ่านความรู้ดี ๆ ได้ในบทความนี้เลย

การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า

การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า เป็นกระบวนการจัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบ และเก็บสินค้าเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของสินค้าให้อยู่ในสภาพดี เพื่อรอส่งต่อไปยังลูกค้า โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณสินค้า ประเภทสินค้า ลักษณะสินค้า ความสะดวกในการค้นหา และความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งมีความสำคัญต่อธุรกิจทุกขนาด ทุกประเภท


ข้อดีของการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า

การจัดเก็บสินค้าที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้สินค้าคงคลัง (Inventory) มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และมีประโยชน์กับการทำธุรกิจในหลายด้าน ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า : ช่วยให้สามารถระบุตำแหน่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ประหยัดเวลาในการจัดเก็บสินค้า : ช่วยในการค้นหาสินค้าและหยิบสินค้าของพนักงานเป็นไปได้สะดวกและรวดเร็ว
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า : ช่วยให้สามารถจัดหาสินค้าได้อย่างทันเวลา และเพียงพอต่อความต้องการในการผลิตและการจัดจำหน่าย
  • ป้องกันการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า : ช่วยให้สามารถควบคุมการเข้าถึงสินค้าได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ : ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

6 กลยุทธ์รูปแบบการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า

นอกจากนี้ ในเนื้อหาของ Stock Location Methodology ยังจัดแบ่งรูปแบบการจัดเก็บสินค้าออกเป็น 6 กลยุทธ์ ดังนี้

1. การจัดเก็บแบบกำหนดตำแหน่งตายตัว (Fixed Location Storage)

รูปแบบการจัดเก็บสินค้าที่มีกำหนดตำแหน่งสินค้าทุกชนิด หรือทุก SKU (Stock Keeping Unit) ในการจัดเก็บและการนำออกไว้อย่างชัดเจน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เพื่อช่วยให้การจัดเก็บและหยิบสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เหมาะสำหรับสินค้าที่มีปริมาณและประเภทคงที่ หรือคลังสินค้าที่มีพนักงานไม่มาก

 


2. การจัดเก็บแบบไม่กำหนดตำแหน่งตายตัว (Non-Fixed Location Storage)

รูปแบบการจัดเก็บสินค้าที่ไม่ได้กำหนดตำแหน่งตายตัว สามารถจัดเก็บสินค้าได้ทุกตำแหน่งในคลัง เป็นระบบการจัดเก็บที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานพื้นที่จัดเก็บได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด สะดวกต่อพนักงานที่ดูแล

เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักและขนาดแตกต่างกัน มีปริมาณและประเภทไม่แน่นอน

 


3. การจัดเก็บแบบไร้รูปแบบ (Informal Storage)

รูปแบบการจัดเก็บสินค้าที่ไม่มีกระบวนการที่ถูกกำหนดไว้อย่างเจาะจง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ โดยพนักงานผู้ดูแลสามารถกำหนดตำแหน่งในการจัดเก็บและปริมาณได้ตามความเหมาะสม มีข้อดีคือทำให้สามารถจัดเก็บสินค้าได้ในหลายพื้นที่ แต่อาจทำให้บริหารพื้นที่จัดเก็บได้ยาก หรือมีพื้นที่จัดเก็บน้อยลง

เหมาะสำหรับคลังในร้านขายของชำขนาดเล็ก คลังสินค้าในครัวเรือน

 


4. การจัดเก็บแบบเรียงตามรหัสสินค้า (Item Number Storage)

รูปแบบการจัดเก็บที่คล้ายกับแบบกำหนดตำแหน่งตายตัว แต่จะมีการใช้รหัสสินค้าหรือตัวเลขในการจัดเก็บและเรียงลำดับ เพื่อความถูกต้องของข้อมูล เช่น สินค้า A110 จะถูกจัดเก็บก่อนสินค้า A11 โดยระบบนี้จะช่วยให้การจัดเก็บสินค้ามีความเป็นระเบียบ พนักงานสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้นและจัดส่งออกไปได้อย่างรวดเร็ว

เหมาะสำหรับสินค้าที่มีปริมาณและประเภทคงที่ หรือสินค้าที่มีจำนวนการนำเข้าและส่งออกคงที่

   


5. การจัดเก็บแบบเรียงตามประเภทสินค้า (Classified Storage)

รูปแบบการจัดเก็บที่เรียงตามประเภทสินค้า โดยจะจัดวางสินค้าในกลุ่มเดียวกันหรือประเภทเดียวกันไว้ในตำแหน่งที่ใกล้กัน คล้ายกับการวางสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วไป ซึ่งจะช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยให้พนักงานสามารถทราบถึงตำแหน่งของสินค้าที่จะต้องไปหยิบได้อย่างรวดเร็ว

เหมาะสำหรับสินค้าที่มีประเภทชัดเจน เช่น อาหาร เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง หรือของใช้ในครัวเรือน

 


การค้นหาสินค้าในคลัง

6. การจัดเก็บแบบผสม (Combination System)

รูปแบบการจัดเก็บสินค้าที่ผสมผสานในหลายระบบ เริ่มตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป โดยจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาช่วยบริหารงานสำหรับระบุตำแหน่งในการจัดเก็บ เช่น ฐานข้อมูล (Database) หรือใช้ระบบไฟล์ (File System) เช่น การจัดเก็บสินค้าอันตรายแบบกำหนดตายตัว และจัดเก็บสินค้าอาหารแบบไม่ได้กำหนดตำแหน่ง โดยให้ทั้งสองประเภทอยู่ห่างกัน เพื่อให้การจัดเก็บสินค้ามีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ที่สุด

เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีขนาดใหญ่และสินค้าที่จัดเก็บนั้นมีความหลากหลาย

นอกจากการมีกลยุทธ์ในการจัดเก็บสินค้าที่มีประสิทธิภาพแล้ว การมองหาชั้นวางสินค้าในคลังสินค้า ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างทนทาน และปลอดภัย ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ปรึกษาเราได้ที่ Tellus ที่สุดของ Storage Solution ที่ได้มาตรฐาน เราเป็นผู้ผลิตและออกแบบระบบจัดเก็บคลังสินค้าอัตโนมัติ ในราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมของคุณ พร้อมมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044

 


แหล่งอ้างอิง


เสากันชนเหล็กและยางกันชนขอบเสา สำคัญอย่างไร

เข้าใจความสำคัญของเสากันชนเหล็กและยางกันกระแทก

เสากันชนเหล็กและยางกันชนขอบเสา สำคัญอย่างไร

เป็นที่รู้กันดีว่าพื้นที่ภายในโรงงาน รวมไปถึงโกดังสินค้า ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และทำให้เครื่อจักรหรือสิ่งของเสียหายได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ในพื้นที่โรงงานหรือโกดังจำเป็นต้องมีเสากันชนเหล็กและราวเหล็กกันชนไว้กำหนดขอบเขตพื้นที่และป้องกันอันตราย ที่อาจเกิดจากความพลั้งเผลอของมนุษย์ หรือยานพาหนะ เช่น รถบรรทุกขนส่งสินค้า รถฟอร์กลิฟต์ เป็นต้น 

แต่การจะใช้สิ่งเหล่านี้นาน ๆ แม้จะช่วยป้องกันได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะต้องเปลี่ยนใหม่อยู่บ่อยครั้ง วันนี้เราจึงอยากจะพาไปทำความรู้จักกับ "ยางกันชนขอบเสา" อีกหนึ่งขั้นของอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันแรงกระแทก !





ยางกันชนขอบเสา ตัวกันกระแทกที่จำเป็นต้องมี !

แม้ภายในโรงงานและโกดังสินค้า จะมีอุปกรณ์ช่วยป้องกันการกระแทกจากการใช้รถฟอร์กลิฟต์อยู่แล้ว แต่การจะถนอมให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ทั้งยังช่วยลดความสิ้นเปลืองจากการเปลี่ยนอุปกรณ์เพราะเกิดการเสียหายนั้น สามารถทำได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ยางกันชนขอบเสา” 

อุปกรณ์นี้ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยหุ้มมุมเสา ซึ่งช่วยปกป้องได้ทั้งตัวเสาเอง ตลอดจนผู้ปฏิบัติงาน วัสดุ รวมไปถึงรถฟอร์กลิฟต์ ที่มีโอกาสชนหรือกระแทกในบริเวณนั้น ๆ โดยจะทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดการเฉี่ยวชนนั่นเอง 


วัสดุที่นิยมใช้ผลิตตัวกันกระแทกเสา

นอกเหนือจากการใช้ “ยาง” เป็นวัสดุในการผลิตตัวกันกระแทกเสาแล้ว อุปกรณ์กันกระแทกเสาสำหรับใช้ในพื้นที่โรงงานและโกดังสินค้า ก็ยังผลิตจากหลากหลายวัสดุ โดยที่ได้รับความนิยมมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้

  • ยาง : เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด ยืดหยุ่นสูง ทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ ใช้งานได้ยาวนาน มีวัสดุแบบเรืองแสงให้เลือกติดตั้งได้
  • พลาสติก : มีน้ำหนักเบา ราคาถูก ติดตั้งง่าย แต่มีความทนทานน้อยกว่าแบบยางค่อนข้างมาก
  • เหล็ก : เสากันชนเหล็กจะมีความแข็งแรงและทนทานมากที่สุด แต่ต้องใช้อุปกรณ์ในการติดตั้ง แม้จะทนไฟและการกัดกร่อนได้ดี แต่ก็มีราคาแพง และอาจเกิดสนิมได้


ความจำเป็นของเสากันชนเหล็กในโรงงานและโกดัง

เพราะโรงงานและโกดังสินค้า เป็นสถานที่ที่มีการเคลื่อนไหวของรถขนส่งสินค้าและรถฟอร์กลิฟต์อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน สร้างความเสียหายต่อตัวอาคาร สินค้า และบุคลากรที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ได้ ด้วยเหตุนี้ เสากันชนเหล็กจึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกดังนี้ 

  


 


1. ปกป้องสต็อกสินค้า

ความจำเป็นของเสากันชนเหล็กและยางกันชนขอบเสา

สินค้าคงคลัง ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของโรงงานและโกดังสินค้า หากเกิดการเฉี่ยวชนจนชั้นวางสินค้าได้รับความเสียหาย ย่อมส่งผลต่อต้นทุนและประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสากันชนเหล็กจึงกลายเป็นปราการที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงเหล่านั้น โดยควรติดตั้งไว้ที่บริเวณจุดเสี่ยง เช่น มุมโค้ง ทางเดินแคบ และบริเวณใกล้ชั้นวางสินค้า เพื่อทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และลดความรุนแรงจากการเฉี่ยวชน ป้องกันไม่ให้สินค้าหรือชั้นวางสินค้าล้มพังเสียหาย


2. คุ้มครองความปลอดภัยของพนักงาน

พนักงานที่ทำงานในโรงงานและโกดังสินค้า ล้วนมีความเสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้ทุกเมื่อไม่ต่างจากทรัพย์สินอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ที่มีการสัญจรไปมาของรถขนส่งสินค้าและรถฟอร์กลิฟต์ เสากันชนเหล็กที่ติดตั้งไว้โดยรอบพื้นที่ทำงาน จะเป็นเสมือนกำแพงเหล็กที่ช่วยปกป้องพนักงานจากอันตราย ลดความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการทำงานอีกด้วย


3. ป้องกันความเสียหายต่อรถขนส่งสินค้า

การเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวางภายในโรงงานและโกดัง ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อตัวอาคารและสินค้าเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อสภาพของรถขนส่งสินค้าอีกด้วย แต่การติดตั้งเสากันชนเหล็กที่มีความแข็งแรง ก็จะช่วยลดทอนความเสียหายเหล่านั้น ด้วยการดูดซับแรงกระแทกและลดความรุนแรงของการเฉี่ยวชน ป้องกันไม่ให้ตัวรถได้รับความเสียหาย พร้อมช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา ยืดอายุการใช้งานของรถขนส่งสินค้าได้เป็นอย่างดี


ยกระดับมาตรการความปลอดภัยของโรงงานและโกดัง ด้วยเสากันชนเหล็ก ยางกันชนขอบเสา และตัวกันกระแทกเสาคุณภาพสูงจาก Tellus ผู้ผลิตและออกแบบระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ ในราคาคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม พร้อมมีบริการหลังการขายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณมากที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044 


ข้อมูลอ้างอิง

  1. COMPARING PALLET RACK COLUMN GUARDING – STYLES, MATERIALS & OPTIONS. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567