7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ควรรู้

รถ AGV คืออะไร ดีต่อคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์อย่างไร ?

7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ควรรู้

ในยุคที่อุตสาหกรรมต้องแข่งขันกันด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำ ระบบอัตโนมัติอย่าง “รถ AGV” (Automated Guided Vehicles) หรือยานพาหนะไร้คนขับ จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนการขนส่งภายในคลังสินค้าให้เป็นระบบอัจฉริยะ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนแรงงานและเวลาเท่านั้น รถ AGV ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความผิดพลาด และยกระดับประสิทธิภาพโลจิสติกส์ได้อย่างชัดเจน

พร้อมพาไปทำความรู้จัก “รถ AGV” ให้ลึกมากขึ้น ตั้งแต่ความหมายว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ตลอดจนประเภทของรถที่ใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม

รถ AGV คืออะไร ?

รถ AGV หรือ Automated Guided Vehicle คือ ยานพาหนะไร้คนขับที่ออกแบบมาเพื่อขนส่งและลำเลียงสินค้าโดยอัตโนมัติภายในพื้นที่ควบคุม เช่น คลังสินค้า โรงงาน หรือศูนย์กระจายสินค้า รถ AGV สามารถเคลื่อนที่ตามเส้นทางที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ในการควบคุม ทำให้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างแม่นยำและปลอดภัย

ด้วยการทำงานที่อัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ รถ AGV จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่ต้องการลดต้นทุนแรงงาน ลดความผิดพลาด และเพิ่มความปลอดภัยในสายการผลิตหรือระบบโลจิสติกส์

วิธีการทำงานของรถนำทางอัตโนมัติ (AGV)

ก่อนที่รถ AGV จะสามารถเคลื่อนที่และขนส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับ ทุกขั้นตอนล้วนมีการควบคุมด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ทั้งในเรื่องของการวางแผนเส้นทาง การตรวจจับสิ่งกีดขวาง และการประสานกับระบบควบคุมภายในคลังสินค้า ซึ่งรถ AGV คือยานพาหนะที่สามารถทำงานได้ภายใต้การอาศัยระบบนำทางและควบคุมที่หลากหลาย เช่น

  • การนำทางด้วยเส้นแถบแม่เหล็ก (Magnetic Tape Guidance) : ระบบดังกล่าวสำหรับรถ AGV คือการนำทางโดยติดตามผ่านเส้นแม่เหล็กหรือแถบสีที่ติดตั้งบนพื้น โดยใช้เซนเซอร์ใต้ท้องรถในการอ่านและขับเคลื่อนไปตามเส้นทาง
  • การนำทางด้วยเลเซอร์ (Laser Navigation) : ใช้เลเซอร์ยิงสัญญาณไปยังตัวสะท้อน (Reflectors) ตามจุดต่าง ๆ เพื่อระบุตำแหน่งและคำนวณเส้นทางการเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ
  • การนำทางด้วย QR Code หรือ RFID : รถ AGV จะอ่านรหัสจากป้ายหรือพื้นผิว เช่น QR Code หรือบาร์โค้ด 2 มิติ ที่ติดตั้งตามจุดต่าง ๆ เพื่อระบุตำแหน่ง คำสั่งการทำงาน หรือเปลี่ยนเส้นทางได้แบบเรียลไทม์ เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับผังการจัดวางบ่อย ๆ
  • การนำทางด้วยระบบ SLAM (Simultaneous Localization and Mapping) : โดยใช้กล้องหรือ LIDAR เพื่อสแกนและสร้างแผนที่แบบเรียลไทม์ พร้อมระบุตำแหน่งของตัวเองภายในพื้นที่โดยไม่ต้องพึ่งสัญลักษณ์ภายนอก
  • การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง (Obstacle Avoidance) : AGV ติดตั้งเซนเซอร์ความปลอดภัย เช่น ม่านแสง อินฟราเรด หรือเซนเซอร์อัลตราโซนิก สำหรับตรวจจับสิ่งกีดขวางและหยุดหรือเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมกลาง (Fleet Management) : รถแต่ละคันจะรับคำสั่งจากระบบควบคุมส่วนกลางเพื่อจัดการเส้นทาง เวลา และลำดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อเริ่มปฏิบัติงาน รถ AGV จะรับคำสั่งจากระบบควบคุมกลาง (เช่น WMS หรือ MES) และเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายโดยอัตโนมัติ หากมีสิ่งกีดขวาง เซนเซอร์ความปลอดภัยจะสั่งหยุดหรือเปลี่ยนเส้นทางทันที เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ประเภทของรถ AGV

รถ AGV คือยานพาหนะสำคัญในระบบโลจิสติกส์ปัจจุบัน จึงทำให้ในตอนนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปอย่างหลากหลาย จนทำให้มีประเภทของรถมากขึ้น แต่โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

  1. Unit Load Vehicles เป็นรถ AGV ที่เคลื่อนย้ายสินค้าจากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่ง โดยจะเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าแบบ Unit Load หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าที่อยู่ในถุง กล่อง หรือพาเลตที่มีขนาดมาตรฐาน เมื่อถึงสถานีจะใช้วิธีเคลื่อนตัวสินค้าเข้าไปยังชั้นหรือจุดวางสินค้าแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้แรงงานคน
  2. Pallet Trucks (Forklifts) ใช้ขนส่งสินค้าที่อยู่บนพาเลต โดยจะยกสินค้าจากสถานีหนึ่งไปยังสถานีหนึ่ง รวมถึงสามารถยกขึ้นชั้นอย่างปลอดภัย มีทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยคนและขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ
  3. Driverless Trains (Towing) ใช้ขนส่งสินค้าแบบพ่วง คล้ายกับการลากตู้รถไฟ กล่าวคือ สินค้าจะถูกวางเอาไว้บนรถเข็นที่มีล้อ จากนั้นใช้รถ AGV เป็นหัวจักรลากรถสินค้าไปยังจุดที่กำหนด
  4. Automated Guided Carts (AGC) เป็นเหมือนรถเข็นในคลังสินค้า ที่จะขนส่งสินค้าไปยังเส้นทางที่กำหนดแบบอัตโนมัติ

Automated Guided Vehicle

7 ประโยชน์ของรถ AGV ที่ผู้ประกอบการต้องรู้

หลายคนอาจยังสงสัยว่ารถ AGV คือ เทคโนโลยีที่เหมาะกับธุรกิจของตนเองหรือไม่ และมีข้อดีแตกต่างจากระบบขนส่งแบบเดิมอย่างไรบ้าง เพราะในความเป็นจริงรถ AGV ไม่เพียงช่วยให้การลำเลียงสินค้ากลายเป็นระบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น

ลดจำนวนการใช้แรงงาน

แน่นอนว่าการใช้รถ AGV ในการขนย้ายสินค้าแบบอัตโนมัติจะลดการจ้างแรงงานคนในส่วนนี้ ซึ่งอาจจะไม่ได้ลดการจ้างงานทั้งหมด แต่เราก็ไม่ต้องเสียค่าจ้างพนักงานขนสินค้าจำนวนมาก เพื่อขนสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด

ลดความเสี่ยงของสินค้าเสียหาย

ด้วยระบบเซนเซอร์และกล้องที่ติดตั้งบนรถ AGV จึงทำให้สามารถเคลื่อนย้ายและจัดวางสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมดปัญหาเรื่องสินค้าเสียหายจากการขนย้ายด้วยกำลังคน

เพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

รู้หรือไม่ว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพนักงานซึ่งเกิดจากการขนย้ายสินค้าจำนวนมาก มีทั้งการบาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บหนัก หรือร้ายแรงจนกระทั่งเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตกจากชั้นวางสินค้าที่อยู่สูง การโดนรถขนสินค้าชน หรือสินค้าหล่นลงมาทับ ด้วยเหตุนี้ประโยชน์ของรถ AGV ที่สำคัญก็คือ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินภายในคลังสินค้านั่นเอง

ราคาถูกกว่าระบบอัตโนมัติคงที่ (Fixed Automation Systems)

ผู้ประกอบการบางท่านอาจจะกำลังคิดว่า ใช้การลำเลียงสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติคงที่ หรือแบบสายพานจะมีราคาถูกกว่าหรือไม่ แท้จริงแล้วรถ AGV นั้นมีราคาโดยรวมที่ถูกกว่า ติดตั้งอุปกรณ์น้อยกว่า ประหยัดเนื้อที่ในการทำงานมากกว่าอีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความผิดพลาด

Managing inventory are not just about safe material handling but also includes receiving goods inspection, categorization, storage and maintenance, shipment and inventory counting.The benefits of AGV (Automatic Guided Vehicle) vehicles are not limited to just their speed in moving goods. They also allow for inventory control, determining how much stock is remaining and saving time and costs in managing the inventory.

สามารถทำงานได้ 24/7

ประโยชน์ของรถ AGV ที่เราจะต้องยอมรับว่าแรงงานคนสู้ไม่ได้ก็คือ การสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันใน 1 สัปดาห์ แบบไม่มีวันหยุด ไม่ต้องกังวลว่าจะเหน็ดเหนื่อย หรือผิดกฎหมายแรงงาน จึงสามารถทำงานได้อย่างว่องไว ไร้ข้อกังวล

มีความยืดหยุ่นสูง

ในขณะที่สายพานลำเลียงสินค้าจะต้องกำหนดเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ชัดเจน เมื่อติดตั้งแล้วหากต้องการจะเปลี่ยนเส้นทางก็แทบจะรื้อระบบใหม่ทั้งหมด แต่รถ AGV สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางและพื้นที่ได้อิสระตามต้องการ ไม่จำกัด

เลือกซื้อรถ AGV รุ่นที่ต้องการ เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ได้ที่ Tellus

หากผู้ประกอบการท่านใดกำลังมองหา รถขนส่งอัตโนมัติ AGVคุณภาพเยี่ยม ราคาไม่แพง เพื่อใช้ในคลังสินค้า Tell us คือ ผู้จัดจำหน่ายระบบจัดเก็บด้วยเครื่องกล และอุปกรณ์แบบอัตโนมัติคุณภาพเยี่ยม มีหลากหลายประเภทเลือกได้ตามต้องการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044

ชั้นลอยน็อคดาวน์สำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม

เพิ่มพื้นที่จัดเก็บในคลังได้มากกว่า ด้วยชั้นลอยน็อคดาวน์!

เชื่อว่าโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งคงประสบกับปัญหาสินค้าล้นหรือมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าไม่เพียงพอ แต่การขยายพื้นที่โรงงานเพิ่มเติมอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อการลงทุน ขอชวนผู้ประกอบการมาทำความรู้จักกับชั้นลอยน็อคดาวน์ หนึ่งในตัวช่วยหากต้องการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในโรงงาน ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากความคุ้มค่าที่ได้แล้วยังลงทุนไม่สูงและตอบโจทย์กับการทำธุรกิจ
ชั้นลอยน็อคดาวน์สำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม

“ชั้นลอยน็อคดาวน์” ตัวช่วยเพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์

แก้ปัญหาพื้นที่จัดเก็บในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าไม่เพียงพอ ด้วยการนำโครงสร้างชั้นลอยน็อคดาวน์ (Mezzanine Floor Knock-Down) เข้ามาปรับใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรม โดยโครงสร้างชั้นลอยนี้จะมีความสูงโปร่ง และถูกออกแบบมาให้สามารถประกอบและรื้อถอนได้ง่าย สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย รับน้ำหนักได้ดี และสามารถนำไปปรับใช้งานได้หลากหลายระดับ
สำหรับชั้นลอยน็อคดาวน์หากนำมาติดตั้งจะมีบันไดและราวกันตกมาให้พร้อม จึงช่วยเสริมความสะดวกสบายได้มากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกจุดประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ภายในคลังสินค้า, เพิ่มพื้นที่ในส่วนสำนักงานภายในโรงงาน และช่วยให้สามารถจัดวางเครื่องจักรได้มากขึ้น เป็นต้น

ชั้นลอยน็อคดาวน์กับการใช้งาน

รู้หรือไม่ว่าหลาย ๆ ครั้ง ในโรงงานอุตสาหกรรมและโกดังสินค้า ต้องเผชิญกับปัญหาความแออัดของพื้นที่ใช้สอย ตลอดจนข้อจำกัดด้านการต่อเติมอาคารที่ทำให้ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
การประยุกต์ใช้งานโครงสร้างเหล็กอย่างชั้นลอยน็อคดาวน์ จึงกลายเป็นทางออกที่สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ตลอดจนการก้าวข้ามขีดจำกัดในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ประกอบการสามารถนำชั้นลอยไปปรับใช้ได้กับ 5 ส่วน ดังนี้

คลังสินค้า

ด้วยคุณสมบัติด้านการใช้งานของชั้นลอยแบบน็อคดาวน์ ที่สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังสามารถรื้อถอนหรือขนย้ายได้ดั่งใจ ทำให้ช่วยประหยัดงบขยายคลังสินค้า แถมยังสามารถเก็บของได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

พื้นที่กระจายสินค้า

อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานภายในโรงงานอุตสาหกรรม นั่นคือพื้นที่สำหรับรองรับสินค้าจำนวนมาก ก่อนที่จะกระจายไปยังจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการนำชั้นลอยโครงเหล็กแบบน็อคดาวน์ไปปรับใช้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน เพราะนอกจากจะช่วยกระจายความหนาแน่นของการจัดเก็บสินค้าได้อย่างสะดวกแล้ว ยังง่ายต่อการขนส่งและสร้างความเป็นระเบียบในการกระจายสินค้าได้อีกด้วย

พื้นที่ผลิตสินค้า

สามารถช่วยบริหารฐานการผลิต ที่สามารถเพิ่มกำลังเครื่องจักรให้กับโรงงานอุตสาหกรรมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยชั้นลอยน็อคดาวน์อเนกประสงค์ ตัวเลือกดี ๆ ที่จะช่วยขยายพื้นที่ในการทำงานได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง

พื้นที่ขายสินค้า

ตอบโจทย์ร้านขายสินค้า และ Outlet ที่อยากขยายพื้นที่ แต่มีข้อจำกัดด้านการต่อเติมอาคาร เพียงใช้ชั้นลอยน็อคดาวน์ ก็สามารถขยายพื้นที่อเนกประสงค์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งไอเดียการติดตั้งชั้นลอยยังช่วยประหยัดงบได้มากกว่า

สำนักงานออฟฟิศ

สร้างพื้นที่สำนักงานในคลังสินค้าได้ง่ายขึ้น แค่ใช้ชั้นลอยโครงสร้างเหล็กน็อคดาวน์มาติดตั้ง ออฟฟิศชั่วคราวก็พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์การประสานงานในคลังสินค้าได้แบบครบวงจร แถมยังประหยัด รื้อถอนสะดวก หรือติดตั้งใหม่ได้อย่างง่ายดาย

ข้อดีของชั้นลอยน็อคดาวน์ที่มีต่อโรงงานอุตสาหกรรม

  1. ออกแบบมาให้ประกอบและติดตั้งได้ง่าย สะดวกต่อการขนย้ายได้รวดเร็ว
  2. เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขยายพื้นที่ได้มากกว่า
  3. สามารถดัดแปลงการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
  4. สามารถออกแบบชั้นลอยน็อคดาวน์ได้สูงกว่า 2-3 ชั้น
  5. สะดวก ปลอดภัย พร้อมรองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง
หากผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการขยายพื้นที่ภายในโรงงานอุตสาหกรรมหรือในคลังสินค้า ชั้นลอยน็อคดาวน์คือหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในชั้นลอยน็อคดาวน์บริการที่มีประสิทธิภาพจาก Tellus เพราะเราคือผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและจัดวางสินค้าที่ผู้ประกอบการไว้วางใจ สนใจสอบถามหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-643-8044-8 หรือ Line @tellussystems @tellussystems.
ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

รู้จักตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตัวช่วยดี ๆ สำหรับทุกธุรกิจ

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

หากพูดถึงอุปกรณ์สำนักงานภายในออฟฟิศ หนึ่งสิ่งที่หลายคนจะนึกถึงก็คือตู้เก็บเอกสาร แต่สำหรับการเลือกใช้งานตู้เก็บเอกสารภายในสำนักงาน จะสามารถเลือกใช้ได้หลากหลายประเภทตามความต้องการ ขอชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน” อีกหนึ่งทางเลือกของการจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ รับรองว่าตอบโจทย์องค์กรอย่างแน่นอน

ทำความรู้จักตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตู้รางเลื่อน หรือตู้เลื่อน เป็นตู้เอกสารที่ติดตั้งระบบรางเลื่อนไป-มา โดยออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ต่อการใช้งาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนยังสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ตู้เก็บเอกสาร ตู้เก็บสินค้า หรือชั้นวางหนังสือแบบรางเลื่อน และยังสามารถปรับแต่ง เพิ่มลวดลาย สีสันของด้านข้างชั้นวางเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานภายในออฟฟิศของคุณมากที่สุด

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนมีประเภทไหนบ้าง?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือผลัก

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือผลัก สามารถใช้มือผลักได้ง่ายและสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับออฟฟิศเล็ก ๆ หรือสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการจัดเก็บเอกสารในจำนวนไม่มากเกินไป อีกทั้งเน้นการเก็บของที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ไม่ว่าจะเป็นแฟ้มเอกสาร กล่องใส่เอกสาร สมุด หนังสือ และอุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นต้น

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือหมุน

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบมือหมุน หรือ ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบพวงมาลัยมือหมุน สามารถรองรับน้ำหนักในการจัดเก็บได้ดีกว่าตู้แบบมือผลัก เนื่องจากมีเกียร์ที่ช่วยกดแรง หากตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนของคุณมีน้ำหนักมาก ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่าเดิม แถมยังช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น แต่หากออฟฟิศของคุณมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และมีเอกสารที่ต้องจัดเก็บเป็นจำนวนมาก เราขอแนะนำตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนประเภทนี้ เพราะสามารถช่วยให้คุณประหยัดแรง เวลา และพื้นที่ได้มากกว่าตู้เก็บเอกสารในแบบทั่วไป

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบไฟฟ้า

ตู้เก็บเอกสารรางเลื่อนแบบไฟฟ้า สามารถรองรับน้ำหนักการจัดเก็บได้ดีเท่ากับตู้แบบมือหมุน โดยสามารถเคลื่อนย้ายผ่านระบบไฟฟ้าอัตโนมัติทำให้ไม่ต้องใช้แรงขับเคลื่อน จึงทำให้ตู้เอกสารชนิดนี้สามารถจัดเก็บเอกสารจำนวนมากๆ ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสั่งการผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บแล็ต และโทรศัพท์ให้สามารถขับเคลื่อนเพื่อสร้างความปลอดภัยของการจัดเก็บเอกสาร ตู้เอกสารชนิดนี้จึงเหมาะกับออฟฟิศที่มีเอกสารที่ต้องจำเก็บจำนวนน้อยไปจนถึงเยอะและต้องการเน้นการจัดเก็บแบบปลอดภัยขั้นสูงสุด

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนดีอย่างไร?

ข้อได้เปรียบของการใช้ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน

ประหยัดพื้นที่ใช้สอย

ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนนับว่าเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ที่ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้มากถึง 50% แล้ว ยังสามารถขยับหรือเลื่อนเข้า-ออกได้ง่าย หรือจะขยับให้ชิดติดกันหรือให้ห่างจากกันได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถเลือกจัดวางตู้รางเลื่อนได้เต็มพื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน

จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ

แน่นอนว่าตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บได้มากขึ้น พร้อมช่วยจัดการเอกสารและสิ่งของต่าง ๆ ได้อย่างเป็นหมวดหมู่ ทำให้สามารถจัดเก็บ หรือค้นหาเอกสารได้ง่ายยิ่งขึ้น

ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

นอกจากตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้กว่า 50% แล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการต่อเติม รีโนเวท หรือติดตั้งในส่วนที่ขยายเพิ่มเติม

เพิ่มความแข็งแรง ปลอดภัย

เนื่องจากเอกสารทางธุรกิจ หรือเอกสารต่าง ๆ ในบริษัทล้วนมีความสำคัญที่คุณควรเก็บรักษาในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ไม่ควรอยู่กระจัดกระจาย ซึ่งตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนจะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าเอกสารทั้งหมดจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย ลดโอกาสที่เอกสารจะชำรุดหรือสูญหายได้

เพิ่มความทันสมัย เสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กร

ในปัจจุบันนี้ ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนมีดีไซน์ที่ทันสมัย และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและตอบโจทย์กับทุกธุรกิจ แถมตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนยังสามารถช่วยจัดระเบียบ และส่งเสริมภาพพจน์ที่ดีให้กับองค์กรให้ดูเรียบร้อย สะอาดตา และทันสมัยด้วย

3 ข้อควรรู้! เลือกตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนอย่างไรให้ตอบโจทย์?

  • เลือกจากความแข็งแรงทนทาน วัสดุที่ใช้ในการผลิต
  • เลือกจากขนาดที่เหมาะสม ตอบโจทย์พื้นที่การใช้งาน
  • เลือกจากราคาเหมาะสม คุ้มค่าราคา ใช้งานได้อย่างยาวนาน

เลือกซื้อตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน หลายแบบ หลายสไตล์ ที่ Tellus

หากคุณกำลังมองหาตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม ราคาคุ้มค่า และคุณภาพการใช้งานที่ทนทาน ที่ Tellus เราจำหน่ายตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อน ตัวช่วยเพื่อความเป็นระเบียบสำหรับออฟฟิศทุกขนาด ตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ให้คุณใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า จัดเก็บและค้นหาสิ่งของและเอกสารได้ดีกว่าเดิม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-643-8044

how-important-is-industrial-rack?

ชั้นวางอุตสาหกรรมจำเป็นหรือไม่ และมีเทคนิคการเลือกอย่างไร

ชั้นวางอุตสาหกรรมจำเป็นอย่างไร

ระบบการจัดเก็บสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต่อโรงงานอุตสาหกรรมอย่างยิ่ง เพราะคือสิ่งที่ช่วยให้การขายหรือส่งสินค้าเป็นไปด้วยความง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น และหากพูดถึงคลังสินค้า สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความใส่ใจก็คือ 'ชั้นวางอุตสาหกรรม' เพราะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การจัดเก็บสินค้ามีความเป็นระเบียบและพร้อมต่อการดำเนินการต่าง ๆ

ชั้นวางอุตสาหกรรม (RACKING SYSTEM) คืออะไร?

ชั้นวางอุตสาหกรรม คือ ชั้นเก็บสินค้าหรือของที่ผลิตแล้วในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ Push Back, แบบเคลื่อนที่, ชั้นวางสินค้าแบบยาว, ชั้นวางขนาดกลาง และชั้นวางขนาดเล็ก ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีการออกแบบชั้นวางสินค้าที่มีความเหมาะสมกับตัวสินค้า และระบบคลังสินค้า

สิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจก็คือ ความแข็งแรงและความเหมาะสมของชั้นวางอุตสาหกรรมต้องให้สอดคล้องกับขนาดและน้ำหนักของสินค้า ซึ่งหากว่าในคลังสินค้ามีสินค้าหลากหลายประเภทและหลากหลายขนาด จะต้องมีการจัดเก็บที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการบริหารคลังสินค้า

ทำไมชั้นวางอุตสาหกรรมจึงมีความจำเป็น

1. ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ

ในการบริหารคลังสินค้า ยิ่งมีพื้นที่จัดเก็บสินค้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เราบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
ชั้นวางอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารคลังสินค้าที่ช่วยจัดสรรพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น โดยสามารถจัดเก็บสินค้าในแนวดิ่ง ซึ่งทำให้เราเหลือพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการผลิตสินค้า การแพ็กสินค้า หรือในส่วนของสำนักงานก็ตาม

2. จัดเก็บสินค้าได้จำนวนมาก

สมมุติในพื้นที่ 1 ตารางเมตร แต่เดิมเราอาจจะจัดเก็บสินค้าได้เพียงแค่ 10 ชิ้น หรือหากจะวางลังสินค้าซ้อนทับกันก็จะจำกัดเพียงแค่ไม่กี่ลังเท่านั้น เพราะหากยิ่งเพิ่มจำนวนลังที่ทับซ้อน จะยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่ลังและสินค้าที่อยู่ด้านล่างมากขึ้นตามไปด้วย แต่หากว่าเรามีชั้นวางอุตสาหกรรมจะทำให้เราสามารถวางของและลังสินค้าในแนวดิ่งได้เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า และที่สำคัญคือ เพิ่มความปลอดภัยมากกว่าการวางสินค้าซ้อนต่อกันไปเรื่อย ๆ อีกด้วย

3. มีความเป็นระบบระเบียบ

ชั้นวางอุตสาหกรรมเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถจัดสินค้าได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถจัดเรียงตามประเภท สี และขนาดของสินค้าแต่ละชนิด หรือตาม SKU (Stock Keeping Unit) ได้ ทำให้ค้นหาและจัดเรียงได้อย่างเป็นระเบียบ จัดเก็บง่าย ค้นหาก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น

4. ตรวจเช็กสต็อกสินค้าได้ง่าย

แม้ว่าจะมีระบบบริหารจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย แต่เราก็ยังต้องตรวจนับสินค้าด้วยพนักงาน เพื่อตรวจสอบว่ายอดที่คงเหลือจริงกับยอดในระบบตรงกันหรือไม่ การจัดวางสินค้าบนชั้นวางอุตสาหกรรมจะช่วยให้พนักงานสามารถตรวจนับสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องเดินหาสินค้าหลายจุด

5. พนักงานทำงานสะดวก

ไม่ว่าจะเป็นการแพ็กสินค้า เคลื่อนย้ายสินค้า หรือการนับสต็อกก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน

สิ่งที่ต้องเช็กก่อนเลือกชั้นวางอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์

ชั้นวางมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเจ้าของกิจการควรจะต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกชั้นวางดังต่อไปนี้

1. เช็กชนิดสินค้า

สิ่งแรกที่เราจะต้องพิจารณาในการเลือกประเภทของชั้นวางอุตสาหกรรมคือ ดูชนิดของสินค้าว่าเป็นแบบใด รวมถึงน้ำหนัก ขนาด และวิธีการจัดเก็บ เราเก็บแบบเป็นคลังสินค้าอย่างเดียว หรือว่าจะใช้แผ่นไม้พาเลทมารองรับ และจะต้องประเมินว่าเรามีปริมาณสินค้ามากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้คำนวณพื้นที่ จำนวนชั้นที่ต้องใช้ได้อย่างถูกต้อง

2. เช็กพื้นที่คลังสินค้า

ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะในพื้นที่เดียวกันอาจจะมีการจัดสรรปันส่วนให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งส่วนของการผลิต การเก็บสินค้า ดังนั้น เราจะต้องดูพื้นที่ที่จะใช้สำหรับจัดเก็บสินค้า ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง

3. เช็กแผ่นพาเลท

ปัจจุบันเราแบ่งพาเลทเป็น 4 ประเภท ได้แก่ พาเลทไม้ พาเลทพลาสติก พาเลทกระดาษ และพาเลทเหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเลือกตามชนิดและขนาดของสินค้าว่าต้องการรับน้ำหนักเท่าไร และสามารถยกได้สูงเท่าไร

4. เช็กรถยกที่ใช้

สำหรับโรงงานใดที่มีรถยกอยู่แล้ว หรือมีแผนที่จะซื้อรถยก เราจะต้องดูความสามารถในการยกน้ำหนักของรถยกด้วย เพื่อที่จะสามารถยกสินค้าขึ้นสูงได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ จะต้องมีพื้นที่ระหว่างชั้นให้รถสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย

สำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องการออกแบบชั้นวางอุตสาหกรรม Tellus เราคือผู้นำนวัตกรรมการจัดเก็บและจัดวางสินค้า ยินดีให้คำปรึกษาชั้นวางที่เหมาะสมกับคุณ โทรศัพท์ 02-643-8044-8 หรือ Line @tellussystems

selective racking

การขยายคลังสินค้าโดยใช้ Selective Rack

บริษัทหรือโรงงานที่มีสินค้าให้เก็บเยอะอาจกำลังมองหาทางออกในการจัดเก็บที่ไม่ต้องเก็บสินค้าแบบตั้งบนพื้นและทำให้การจัดเก็บที่มีระเบียบมากขึ้น การใช้ชั้นวางแบบSelective (หรือที่เรียกว่า Pallet Racking) ถือพื้นฐานของชั้นวางสินค้าสำหรับคลังสินค้าในหลายที่ และเป็นชั้นวางสินค้าที่ขายดีในทุกภาคส่วน

ชั้นวางอุตสาหกรรมจำเป็นอย่างไร

Selective rack คืออะไร

ชั้นวางสินค้าแบบ Selective เป็นการจัดเก็บสินค้าที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกหยิบสินค้าที่ต้องการได้ทันที โดยการจัดเก็บสินค้าจะวางบนพาเลท ทำให้ง่ายต่อการควบคุมและสามารถเลือกที่จะหยิบสินค้าเข้าออกได้ตามความต้องการ ผู้ใช้งานจึงไม่ต้องวางสินค้าบนพื้นอีกต่อไป

Pallet rack

ชั้นวางสินค้าประเภทวางบน Pallet นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บเพิ่มขึ้นด้วยโดยการผู้ใช้งานสามารถออกแบบขนาดตามรูปแบบของสินค้าไม่ความจะเป็นความสูงที่สามารถปรับระดับให้เหมาะสมกับสินค้า รวมถึงสามารถรับน้ำหนักของสินค้าที่มีขนาดหนักได้ดี

ชั้นวางสินค้าประเภทนี้มักถูกสร้างแบบแถวคู่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหยิบสินค้าได้จากทั้งสองฝั่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บให้สูงที่สุด ส่วนขนาดที่เหมาะสมสำหรับการเลือกชั้นวางสินค้าให้เข้ากับโรงงานและการจัดเก็บสินค้านั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหลายอย่างของโรงงานไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ต้องการจัดเก็บ ประเภทของรถโฟลคลิฟท์ น้ำหนักของสินค้าเป็นต้น

ชั้นวางสินค้าแบบ Selective

ข้อดีการจัดเก็บสินค้าบน Selective Racking

  • มีพื้นที่ในการเก็บสินค้ามากขึ้น และทำให้เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในโรงงานหรือคลังสินค้า
  • มีความเป็นระเบียบในการจัดเก็บสินค้า
  • ควบคุมสต๊อกสินค้าได้ง่าย
  • จัดเก็บสินค้าได้หลายประเภท
  • มีความยืดหยุ่นในการเก็บสินค้า สามารถปรับระดับความสูงของขนาดเพื่อจัดเก็บสินค้าได้หลากหลาย
  • โครงสร้างมีความแข็งแรงรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักได้
Pallet racking

ชั้นวางสินค้าประเภทนี้จึงเหมาะกับทุกโรงงานและคลังสินค้าเพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้มากและจัดเก็บสินค้าได้ตั้งแต่จำนวนน้อยไปจนถึงจำนวนมาก นั่นทำให้ผู้ใช้งานหลายบริษัทเลือกที่จะเริ่มต้นจัดเก็บสต๊อกสินค้าด้วยชั้นวางสินค้าประเภทนี้และเมื่อสินค้ามีจำนวนมากขึ้น พวกเขาก็เลือกที่จะขยายชั้นวางสินค้าเพื่อให้รองรับกับสินค้าดังเช่นการติดตั้ง Pallet racking ล่าสุดของเทลอัส ซิสเต็มส์ให้กับลูกค้าเนื่องจากพวกเขาต้องการขยายโกดังสินค้า จึงเลือกให้เราออกแบบ จัดหาและติดตั้ง ทำให้ความจุในการจัดเก็บได้รับการปรับปรุงอย่างมากในขณะนี้ และสามารถรองรับสินค้าใหม่เพิ่มเติมได้มากขึ้น